ฟุตบอลทีมชาติเยอรมนี หนึ่งในชาติที่เป็นต้นกำเนิด ของนักฟุตบอลระดับโลก มากมายหลายยุคสมัย

ฟุตบอลทีมชาติเยอรมนี วันนี้จะพามาทำความรู้จัก ทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ทีมหนึ่งในการแข่งขันนานาชาติ

ฟุตบอลทีมชาติเยอรมนี เป็นทีมฟุตบอลของประเทศเยอรมนี ในการแข่งขันฟุตบอลระหว่างประเทศ เป็นทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดทีมหนึ่ง ในการแข่งขันนานาชาติ โดยชนะเลิศฟุตบอลโลก 4 สมัย, ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 3 สมัย และคอนเฟเดอเรชันส์คัพ 1 สมัย

และเหรียญทองกีฬาโอลิมปิก 1 สมัย ในนามทีมเยอรมนีตะวันออก และยังเป็นชาติเดียวที่ชนะเลิศฟุตบอลโลก ทั้งในประเภททีมชายและทีมหญิง ทีมชาติเยอรมนีอยู่ภายใต้การกำกับดูแล ของสมาคมฟุตบอลเยอรมัน (ก่อตั้งในปี 1900) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสมาชิกผู้ร่วมก่อตั้ง

ของสหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศ (ฟีฟ่า) และสหภาพสมาคมฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) และ ภายหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง ฟีฟ่า ได้ให้การรับรองทีมเยอรมนีตะวันตก (สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี), ทีมซาร์ลันด์ (1950–1956) และทีมเยอรมนีตะวันออก (สาธารณรัฐประชาธิปไตยเยอรมนี) ในการแข่งขันทางการ

โดยเยอรมนีตะวันตก ชนะเลิศฟุตบอลโลกสามสมัย และฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป อีกสองสมัย ต่อมา เยอรมนีตะวันตก และเยอรมนีตะวันออกได้รวมทีมกัน ภายหลังการรวมประเทศเยอรมนีในปี 1990 และพวกเขาชนะเลิศฟุตบอลโลก และฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป เพิ่มได้อีกรายการละหนึ่งสมัย ในปี 2014 และ 1996 ตามลำดับ และยังเป็นทีมจากยุโรปเพียงชาติเดียว ที่ชนะเลิศฟุตบอลโลกที่ทวีปอเมริกา โหลดเกมส์

ฟุตบอลทีมชาติเยอรมนี

มาดูถึงประวัติ ฟุตบอลทีมชาติเยอรมนี ว่ามีความเป็นมาอย่างไร มาดูไปพร้อมๆกัน

ยุคแรกของการก่อตั้ง (1899–1942) เมื่อวันที่ 18 เมษายน 1897 เยอรมนี จัดการแข่งขันครั้งฟุตบอลนัดแรก ขึ้นในเมืองฮัมบวร์ค ผลปรากฏว่าเดนมาร์กชนะทีมสมาคมฮัมบวร์ค-อัลโทนา ไปได้ 5–0 ในช่วงระหว่างปี 1899 ถึง 1901 ก่อนมีการก่อตั้งทีมชาติอย่างเป็นทางการ

มีการแข่งขันนานาชาติ อย่างไม่เป็นทางการอีก 5 นัด ระหว่างทีมคัดเลือกจากเยอรมนีและอังกฤษ ซึ่งเยอรมนีแพ้ไปอย่างยับเยินทุกนัด ต่อมาอีก 8 ปี ภายหลังการก่อตั้งสมาคมฟุตบอลเยอรมัน (DFB) ในปี 1900 มีการแข่งขันนัดแรก อย่างเป็นทางการของเยอรมนี เมื่อวันที่ 5 เมษายน 1908 พบกับสวิตเซอร์แลนด์ ที่เมืองบาเซิล โดยเยอรมนีแพ้ไป 3–5 ยูลีอุส เฮิร์สช์ เป็นผู้เล่นชาวยิวคนแรก ที่เป็นตัวแทนทีมชาติเยอรมนี

หลังเข้าร่วมทีมในปี 1911 และยิง 4 ประตู ในนัดที่พบกับเนเธอร์แลนด์ ในปี 1912 เขากลายเป็นผู้เล่นเยอรมนีคนแรก ที่ยิงได้ถึง 4 ประตูในนัดเดียว กอทท์ฟรีด ฟุช สร้างสถิติทำ 10 ประตู ในนัดที่เยอรมนีชนะทีม จักรวรรดิรัสเซีย 16–0 ในกีฬาโอลิมปิก 1912 ที่ประเทศสวีเดน

ซึ่งเป็นสถิติมาอย่างยาวนาน จนถึงปี 2001 ก่อนจะถูกทำลายโดย ผู้เล่นชาวออสเตรเลีย อาร์ชี ทอมป์สัน ซึ่งทำคนเดียว 13 ประตูในนัดที่ทีมชาติออสเตรเลีย ชนะหมู่เกาะซามัวไปได้ถึง 31–0 แต่ ฟุช ยังเป็นเจ้าของสถิติ ทำประตูมากที่สุดในนัดเดียวของเยอรมนี จนถึงปัจจุบัน ในยุคแรก นักเตะทีมชาติทุกคน ถูกคัดเลือกโดยตรงจากสมาคมฟุตบอล เนื่องจากยังไม่มีผู้ฝึกสอนที่เหมาะสม

ผู้จัดการทีมคนแรก คือ อ็อตโต เนิร์ซ ครูจากโรงเรียนมันไฮม์ และอดีตนายทหารในสงครามโลก ครั้งที่หนึ่งซึ่งคุมทีมตั้งแต่ปี 1926–1936 รัฐบาลเยอรมนีไม่มีงบประมาณ ให้ทีมชาติเดินทางไปร่วมแข่งขัน ฟุตบอลโลกครั้งแรก ณ ประเทศอุรุกวัย ในปี 1930

เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ เยอรมนีเข้าร่วมฟุตบอลโลกครั้งแรก ของพวกเขาในปี 1934 และคว้าอันดับ 3 หลังจากนั้น ทีมมีผลงานย่ำแย่ในโอลิมปิกฤดูร้อน 1936 ที่กรุงเบอร์ลิน ทำให้ เซ็พพ์ แฮร์แบร์เกอร์ เข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีม โดยมีผลงานที่เป็นที่จดจำ คือการรวบรวมผู้เล่น 11 ตัวจริง ที่มีผลงานโดดเด่นจนได้รับฉายา จากสื่อในประเทศว่า Breslau Elf (Breslau Eleven) ซึ่งมีผลงานสำคัญ คือการเอาชนะเดนมาร์ก 8–0 แทงบอลออนไลน์ 

ฟุตบอลทีมชาติเยอรมนี

ปาฏิหาริย์แห่งเบิร์นของฟุตบอลทีมชาติเยอรมนี และแชมป์โลกสมัยแรก (1954)

ภายหลังสิ้นสุด สงครามโลกครั้งที่สอง มีรัฐที่เกิดขึ้นใหม่ คือ เยอรมนีตะวันตก ซาร์ลันด์ และเยอรมนีตะวันออก โดยเยอรมนีถูกฟีฟ่า ห้ามลงแข่งขันจนถึงปี 1950 เยอรมนีตะวันตกนำโดย ฟริตซ์ วอลเตอร์ เป็นกัปตันทีมในการแข่งขันฟุตบอลโลก 1954 ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

ซึ่งพบกับทีมเต็งอย่าง ทีมชาติฮังการี ในรอบแบ่งกลุ่ม ก่อนจะแพ้ไป 3–8 ก่อนที่ทั้งสองทีมจะมาพบกันอีกครั้ง ในรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งเยอรมนีถูกมองว่าเป็นรองเนื่องจาก ก่อนหน้านั้นทีมชาติฮังการี มีสถิติไม่แพ้ใครติดต่อกันทุกรายการรวม 32 นัด

แต่เยอรมนีตะวันตก เอาชนะไปได้ 3–2 อย่างเหนือความคาดหมาย โดยเฮลมุท ราห์น เป็นผู้ทำประตูชัยในช่วงท้ายเกม ส่งผลให้เยอรมนีคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก ได้เป็นสมัยแรก ในนามเยอรมนีตะวันตก และความสำเร็จในครั้งนั้น ได้รับการยกย่องว่าเป็น “ปาฏิหาริย์แห่งเบิร์น” (Das Wunder von Bern) 

การแข่งขันครั้งประวัติศาสตร์ (1958–1970)

ภายหลังจาก เยอรมนีตะวันตก ทำได้เพียงคว้าอันดับ 4 ในฟุตบอลโลก 1958 และตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายในฟุตบอลโลก 1962 สมาคมจึงมีการเปลี่ยนแปลง โดยเริ่มมีการจ้างทีมงานอาชีพ และคัดทีมจากลีกท้องถิ่นเข้าสู่ บุนเดิสลีกา ที่เปิดใหม่ (ในปี 1963)

เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ให้แก่ทีมชาติ ในฟุตบอลโลก 1966 เยอรมนีตะวันตก ผ่านเข้าชิงชนะเลิศได้โดยเอาชนะ โซเวียต ได้ในรอบรองชนะเลิศ ก่อนจะเข้าไปพบกับ ทีมชาติอังกฤษ เจ้าภาพในช่วงต่อเวลาพิเศษ และประตูแรกของ เจฟฟ์ เฮิร์สท์ ถือเป็นหนึ่งในประตู ที่มีการโต้เถียงกันมากที่สุด ในประวัติศาสตร์ของฟุตบอลโลก โดยผู้กำกับเส้นส่งสัญญาณว่า ลูกฟุตบอลได้ข้ามเส้นไปแล้ว

หลังจากกระเด้งลงมาจากคานประตู แต่เมื่อดูภาพรีเพลย์ซ้ำอีกครั้ง ดูเหมือนลูกบอลยังไม่ข้ามเส้นไปทั้งใบ จากนั้น เฮิร์สต์ ก็ยิงประตูเพิ่มให้อังกฤษเอาชนะไป 4–2 ในฟุตบอลโลก 1970 เยอรมนีตะวันตกเอาชนะอังกฤษ คืนได้ 3–2 ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย

แต่ไปแพ้ อิตาลี 3–4 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ รอบรองชนะเลิศ ซึ่งมีการทำประตูกันมากถึง 5 ประตู ในช่วงต่อเวลาพิเศษ และจัดเป็นการแข่งขันฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ที่น่าตื่นเต้นที่สุดนัดหนึ่ง รวมทั้งได้รับขนานนามว่าเป็น “เกมแห่งศตวรรษ” เยอรมนีตะวันตกจบการแข่งขัน ด้วยอันดับ 3 และผู้ทำประตูสูงสุดในรายการได้แก่ แกร์ท มึลเลอร์ (10 ประตู) โรบิน ฟัน แปร์ซี

ฟุตบอลทีมชาติเยอรมนีในฟุตบอลโลก 2018, ยูฟ่าเนชันส์ลีก และฟุตบอลยูโร 2020

ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ถือเป็นความล้มเหลวอย่างแท้จริง โดยพวกเขาตกรอบแบ่งกลุ่ม ในนัดแรกของกลุ่มเอฟ พวกเขาแพ้เม็กซิโก 0–1 ก่อนจะชนะสวีเดน ได้ 2–1 แต่แพ้ให้กับเกาหลีใต้ ในนัดสุดท้าย 0–2 และถือเป็นการตกรอบที่เร็วที่สุด

ในการแข่งขันฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายของพวกเขานับตั้งแต่ปี 1938 และเป็นการตกรอบแบ่งกลุ่มครั้งแรก นับตั้งแต่การแข่งขันปรับรูปแบบมาใช้ ระบบใหม่ในการเล่นรอบแบ่งกลุ่มในปี 1950 หลังจากนั้น เยอรมนียังคงมีผลงานย่ำแย่ใน ยูฟ่าเนชันส์ลีก ซึ่งพวกเขาอยู่ในลีกเอร่วมกับกับ ฝรั่งเศสและเนเธอร์แลนด์ โดยในนัดแรกพวกเขา เสมอฝรั่งเศส 0–0 ตามด้วยแพ้เนเธอร์แลนด์ 0–3 และพ่ายแพ้ต่อเนื่อง ให้กับฝรั่งเศส 1–2

ส่งผลให้เยอรมนี ต้องแพ้เป็นนัดที่ 4 จากการแข่งขันรายการใหญ่ 6 นัดหลังสุด ในเดือนมีนาคม ปี 2021 สมาคมฟุตบอลเยอรมันได้ประกาศว่า โยอาคิม เลิฟ จะยุติบทบาทภายหลัง จบฟุตบอลยูโร 2020 และ ฮันส์-ดีเทอร์ ฟลิค จะเข้ามารับตำแหน่งต่อ

เยอรมนีลงแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์ แห่งชาติยุโรปในเดือนมิถุนายน โดยอยู่ในกลุ่มเอฟร่วมกับโปรตุเกส, ฝรั่งเศส และฮังการี และผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายก่อนจะแพ้อังกฤษ คู่ปรับสำคัญ 0–2 และเป็นการยุติบทบาทผู้จัดการทีม 15 ปีของเลิฟ

ตาราง-12-05-64-v