โรบิน ฟัน แปร์ซี นักฟุตบอลชาวดัตช์ เล่นในตำแหน่งกองหน้า เล่นให้กับ ไฟเยอโนร์ด เป็นสโมสรสุดท้าย

โรบิน ฟัน แปร์ซี วันนี้จะพามารู้จักกับ นักฟุตบอลชื่อดังทีมชาติ เนเธอร์แลนด์ เล่นในตำแหน่งกองหน้า

โรบิน ฟัน แปร์ซี เกิดวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 1983 เป็นนักฟุตบอลชาวดัตช์ ที่เคยเล่นในตำแหน่งกองหน้า นอกจากนั้นยังเคยเล่นเป็น ปีกซ้าย ได้อีกด้วย ปัจจุบันได้เลิกเล่นฟุตบอลแล้ว โดยเขาได้เล่นให้กับ ไฟเยอโนร์ด เป็นสโมสรสุดท้าย ฟัน แปร์ซี ขึ้นชื่อเรื่องการมีเท้าซ้ายที่หนักหน่วง

และเคยเป็นนักฟุตบอล ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ โดยได้ลงเล่นประเดิมทีมชาติชุดใหญ่ เมื่อปี ค.ศ. 2005 และได้เข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลโลก 2006 ยูโร 2008 และรองแชมป์ฟุตบอลโลก 2010 รวมถึงอันดับสาม ฟุตบอลโลก 2014 ในฐานะกัปตันทีมอีกด้วย โหลดเกมส์

โรบิน ฟัน แปร์ซี

มาดูถึงประวัติของ โรบิน ฟัน แปร์ซี ว่ามีความเป็นมาอย่างไร มาดูไปพร้อมๆกันเลย

โรบิน ฟัน แปร์ซี เกิดวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 1983 เป็นบุตรของคู่สามีภรรยาศิลปิน จึงได้รับการเลี้ยงดูฟูมฟัก ให้เป็นศิลปินตามรอยเท้า ของผู้ให้กำเนิด แต่ฟัน แปร์ซี กลับเลือกที่จะเล่นฟุตบอล และได้เริ่มเล่นฟุตบอลกับ เอส.เบ.เฟ. เอกแซ็ลซียอร์ (S.B.V. Excelsior)

สโมสรดัตช์เล็กๆ แห่งหนึ่งโดยเป็นนักเตะเยาวชน ของสโมสรเมื่อปี ค.ศ. 2001 จากนั้นก็ได้เซ็นสัญญากับสโมสรฟุตบอล ไฟเยอโนร์ด สโมสรดังประจำบ้านเกิดเมืองนอนของเขา เมื่อปี ค.ศ. 2002 ทำให้ ฟัน แปร์ซี มีโอกาสได้สัมผัสด้วยแชมป์ยูฟ่าคัพ 2002 อีกด้วย

ฟัน แปร์ซี เริ่มมีชื่อเสียงเนื่องจาก เป็นนักเตะอายุน้อยที่มีพรสวรรค์ แต่กลับมีปัญหาเรื่องระเบียบวินัย กับไฟเยอโนร์ดแห่งนี้ จนแบร์ต ฟัน มาร์ไวก์ ผู้จัดการทีมที่เริ่มทนไม่ไหว กับพฤติกรรมของเขา ต้องการให้เขาย้ายสโมสร จนในที่สุดก็เป็นอาร์เซนอล (ภายใต้การคุมทีมของอาร์แซน แวงแกร์)

ที่ยังเล็งเห็นถึงความสามารถ ที่แฝงอยู่ในตัวฟัน แปร์ซีอยู่ และได้ทำสัญญากับเขาเมื่อปี ค.ศ. 2004 ด้วยค่าตัว 2.75 ล้านปอนด์ นับจากนั้นมา ฟัน แปร์ซี ก็ช่วยให้อาร์เซนอล คว้าแชมป์คอมมิวนิตีชิลด์ และเอฟเอคัพตั้งแต่ฤดูกาลแรก ที่มาค้าแข้งอยู่ที่ลอนดอน

จากนั้นก็ได้รับรางวัลนักกีฬายอดเยี่ยม ประจำปีแห่งเมืองโรตเตอร์ดัม เมื่อปี ค.ศ. 2006 อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลา 4 ปีแรก ที่อยู่กับอาร์เซนอลนั้น เขาก็ไม่ได้มีโอกาสได้ลงสนามมาก เท่าที่ควรเนื่องจากได้รับบาดเจ็บ แต่ยามใดที่พร้อมลงสนาม ก็มักจะได้รับโอกาสลงเป็นตัวจริงเสมอ

โรบิน ฟัน แปร์ซี เติบโตในย่านกราลิงเงิน แห่งโรตเตอร์ดัมตะวันออก มารดาคือ โคเซ รัส เป็นจิตรกร ส่วนบิดาคือ บ็อบ เป็นประติมากร แปร์ซี ยังมีน้องสาวอีก 2 คนคือ ลีลี (Lily) และกีกี (Kiki) บิดาและมารดาสนับสนุน ให้ แปร์ซีเป็นศิลปินเช่นเดียวกับพวกเขา แต่สุดท้ายของแปร์ซี กลับเลือกที่จะเล่นฟุตบอลแทน 

โรบิน ฟัน แปร์ซี

เส้นทางอาชีพของโรบิน ฟัน แปร์ซี กับสโมสรฟุตบอล ไฟเยอโนร์ด

ฟัน แปร์ซี เริ่มเล่นฟุตบอลกับทีมเยาวชน ของเอส.เบ.เฟ. เอกแซ็ลซียอร์ เมื่อปี ค.ศ. 2001 แต่ก็ต้องย้ายออกไปเนื่องจาก มีเรื่องไม่ลงรอยกันกับสตาฟโค้ช จนได้มาเซ็นสัญญากับ ไฟเยอโนร์ด และสามารถก้าวขึ้นมาติดทีมชุดใหญ่ ได้เนื่องจากนักเตะรุ่นพี่ในทีม หลายคนได้รับบาดเจ็บ

และได้ลงประเดิมสนาม ให้กับสโมสรด้วยวัยเพียงแค่ 17 ปี และในฤดูกาลแรกนี้ เขาได้ลงสนามเป็นตัวจริงถึง 15 ครั้ง จนได้รับรางวัล นักฟุตบอลดัตช์ดาวรุ่งยอดเยี่ยม ประจำฤดูกาล 2001-02 หลังจากจบฤดูกาลอีกด้วย จากนั้น ฟัน แปร์ซี ก็เซ็นสัญญาอาชีพกับไฟเยอโนร์ด เป็นระยะเวลา 3 ปีครึ่ง

ตั้งแต่ต้นฤดูกาลใหม่ และยังเป็นผู้ยิงได้ 5 ประตูในเกมที่เอาชนะ AGOVV มา 6-1 ในอัมสเทลคัพเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2003 แต่เนื่องจากความบาดหมาง กับแบร์ต ฟัน มาร์ไวก์ ผู้จัดการทีมทำให้ แปร์ซี ต้องหล่นไปเล่นในทีมสำรองแทน จน ฟัน มาร์ไวก์ ได้บอกกับสื่อว่า

“พฤติกรรมของเขานี้ ทำให้เขาคงจะอยู่กับทีมไม่ได้อีกแล้ว ฉะนั้นเขาจะต้องเล่นในทีมสำรองไปตลอด” และในเกมที่ ไฟเยอโนร์ด ทีมสำรองพบกับอายักซ์ ทีมสำรองนั้น เขาเป็นหนึ่งในนักเตะไฟเยอโนร์ดหลายคน ที่โดนแฟนบอลอันธพาลวิ่งเข้าสู่สนาม เพื่อลงมาทำร้ายร่างกายอีกด้วย

ความบาดหมางระหว่างฟัน แปร์ซี กับฟัน มาร์ไวก์ ยังคงมีอยู่ต่อไป เนื่องจาก ฟัน มาร์ไวก์ สั่งเขากลับบ้านในวันก่อนเกม ที่จะพบกับเรอัลมาดริด ในยูฟ่าซูเปอร์คัพเมื่อปี ค.ศ. 2003 โดยมีรายงานว่าผู้ฝึกสอนคนนี้ ไม่พอใจกิริยาของ ฟัน แปร์ซี ที่มีต่อเขาเมื่อได้รับคำสั่ง ให้อบอุ่นร่างกาย

เพื่อเตรียมลงแข่งเกมลีก เมื่อไม่นานมานี้ จากนั้น ฟัน แปร์ซี ก็สามารถแทรกขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่ ได้เป็นครั้งแรก ลงสนามไปทั้งหมด 28 ครั้ง ยิงได้ 8 ประตู และยังพาทีมได้รองแชมป์ บอลถ้วยของเนเธอร์แลนด์ อีกด้วย นักเตะชาวฝรั่งเศส

ความเป็นอริต่อกันของ ฟัน มาร์ไวก์ กับฟัน แปร์ซี

หลังจากจบฤดูกาลนั้น ไฟเยอโนร์ด ก็ไม่สามารถต่อสัญญากับ ฟัน แปร์ซี ได้ในช่วงปิดฤดูกาล จนกระทั่งความเป็นอริต่อกันของ ฟัน มาร์ไวก์ กับฟัน แปร์ซี ทำให้เขาต้องนั่งเป็นตัวสำรอง เสียเป็นส่วนใหญ่ ในฤดูกาล 2003-04 นี้ ได้ลงเล่นเพียงแค่ 28 เกม

แต่ก็ยังยิงได้น้อยกว่าฤดูกาลที่แล้ว 2 ประตู เมื่อจบฤดูกาล ไฟเยอโนร์ด จึงประกาศขายนักเตะคนนี้ออกไปทันที เนื่องจากทนไม่ไหวกับระเบียบวินัยอันย่ำแย่ ของนักเตะคนนี้แล้ว และก็กลายเป็น อาร์เซนอล ที่เริ่มเปิดเจรจาซื้อตัวนักเตะรายนี้ ในช่วงตลาดซื้อขายเดือนมกราคม เปิดทำการ

โดยในช่วงนั้น อาร์เซนอล กำลังมองหาตัวแทนของ แด็นนิส แบร์คกัมป์ อยู่พอดีด้วย แต่ทั้งสองฝ่ายกลับไม่สามารถ เจรจากันได้อย่างราบรื่น จนไม่ได้ข้อสรุปในที่สุด อย่างไรก็ตาม 5 เดือนต่อมา การซื้อขายนักเตะรายนี้ ก็ประสบผลสำเร็จ โดย อาร์เซนอล คว้าตัวดาวยิงรายนี้ ไปด้วยราคา 2.75 ล้านปอนด์ ซึ่งน้อยกว่าที่ ไฟเยอโนร์ด ตั้งไว้คือ 5 ล้านปอนด์ ถึงเกือบครึ่ง

โรบิน ฟัน แปร์ซีในการเซ็นสัญญา ฉบับแรกกับอาร์เซนอล

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม ค.ศ. 2004 ฟัน แปร์ซี ได้เซ็นสัญญาฉบับแรกกับ อาร์เซนอล มีระยะเวลาของสัญญา 4 ปี อาร์แซน แวงแกร์ ผู้จัดการทีมตั้งใจว่าจะโยก แปร์ซี จากตำแหน่งปีกซ้ายมาเล่นศูนย์หน้า ซึ่งฟัน แปร์ซี ก็ทำหน้าที่นี้เคียงข้าง ตีแยรี อ็องรี ได้เป็นอย่างดี

แวงแกร์ อธิบายการตัดสินใจครั้งนี้ว่า”เขาสามารถเล่นเป็นปีกซ้ายได้ และยังเล่นในตำแหน่งกองหน้า ตัวหลังหรือกองหน้าตัวเป้าได้ เนื่องจากเป็นนักเตะที่มีความคิดสร้างสรรค์สูง อย่างไรก็ตาม โอกาสที่เขาจะได้เล่นศูนย์หน้า ก็ถูกจำกัดลงเนื่องจาก อาร์เซนอล

ได้เซ็นสัญญากับโคเซ อันโตนีโอ เรเยส กองหน้าทีมชาติสเปน มาร่วมทีมเมื่อเดือนมกราคม ซึ่งเขาต้องแย่งตำแหน่งตัวจริง กับเรเยสตลอดเวลา ฟัน แปร์ซี ได้ประเดิมสนามครั้งแรก ด้วยการถูกส่งลงมาจากม้านั่งสำรอง ในเกมคอมมิวนิตีชิลด์ ที่ชนะแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 3-1

และคว้าแชมป์รายการนี้ ไปครองเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ค.ศ. 2004 หลังจากนั้น ฟัน แปร์ซี ก็นั่งบนม้านั่งสำรองเสียส่วนใหญ่ ในฤดูกาล 2004-2005 และในวันที่ 27 ตุลาคม ปีเดียวกันนี้ เขาก็ยิงประตูแรกในสีเสื้อของ อาร์เซนอล โดยการยิงเบิกร่องในเกมลีกคัพ ที่พบกับ แมนเชสเตอร์ซิตี

และสามารถเอาชนะไปได้ 2-1 เมื่อเริ่มต้นพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2005-2006 รูปแบบการเล่นของฟัน แปร์ซี ก็เริ่มดีขึ้น ทำให้เขาได้รับรางวัลนักฟุตบอลดีเด่น ประจำเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2005 ด้วยการยิงประตูไปถึง 8 ประตู ใน 8 เกม

และเขาก็ได้ตอบแทนให้สโมสร ด้วยการเซ็นสัญญาเป็นเวลา 5 ปี ไปจนถึงวันที่ 4 มกราคม ค.ศ. 2011 และต่อมาสองวันจากการเซ็นสัญญาของ ฟัน แปร์ซี เขาได้รับอาการบาดเจ็บอีกครั้ง ในนัดแข่งเอฟเอคัพ กับสโมสรฟุตบอลคาร์ดิฟฟ์ซิตี

ตาราง-12-05-64-v