นิวคาสเซิ่ลยูไนเต็ด สโมสรฟุตบอลอาชีพของประเทศอังกฤษ ตั้งอยู่ที่เมือง นิวคาสเซิลอะพอนไทน์

นิวคาสเซิ่ลยูไนเต็ด วันนี้จะพามารู้จักกับ อีกหนึ่งสโมสรฟุตบอลดัง ในประเทศอังกฤษ

นิวคาสเซิ่ลยูไนเต็ด สโมสรฟุตบอลนิวคาสเซิลยูไนเต็ด (อังกฤษ : Newcastle United Football Club; ตัวย่อ: NUFC) เป็นสโมสรฟุตบอล อาชีพของประเทศอังกฤษ ปัจจุบันเล่นอยู่ในพรีเมียร์ลีก ตั้งอยู่ที่เมือง นิวคาสเซิลอะพอนไทน์ 

มีชื่อเล่นของทีมว่า “แม็กพายส์” (“สาลิกาดง” หรือ “กางเขนเหล็ก” ในภาษาไทย) แฟนของทีมนิวคาสเซิลยูไนเต็ด จะมีชื่อเรียกว่า “ทูนอาร์มี” ซึ่งคำว่า “ทูน” นั้นเป็นภาษาแซกซัน คือคำว่า “ทาวน์” ที่แปลว่า “เมือง”

และถือเป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จ มากที่สุดเป็นอันดับ 9 ในฟุตบอลอังกฤษ ในแง่ของจำนวนถ้วยรางวัล มีสีประจำสโมสรคือสีขาว-ดำ และมีสนามเหย้าคือ เซนต์เจมพาร์ก นิวคาสเซิลยูไนเต็ด ได้เล่นในลีกสูงสุดถึง 89 ฤดูกาล

นับตั้งแต่ก่อตั้งระบบลีกใน ค.ศ. 1893 เกียรติประวัติคือ ชนะเลิศลีกสูงสุด 4 สมัย, เอฟเอคัพ 6 สมัย และ เอฟเอคอมมิวนิตีชิลด์ 1 สมัย และในการแข่งขันระดับทวีป พวกเขาชนะเลิศ อินเตอร์-ซิตีแฟส์คัพ และ ยูฟ่าอินเตอร์โตโตคัพ รายการละ 1 สมัย สโมสรประสบควมสำเร็จสูงในช่วง ค.ศ. 1904–1910

โดยชนะเลิศฟุตบอลดิวิชั่นหนึ่ง 3 สมัย และเอฟเอคัพ 1 สมัย นิวคาสเซิลตกชั้นจากพรีเมียร์ลีก ในฤดูกาล 2009 และ 2016 แต่สามารถเลื่อนชั้นกลับมาได้ ภายในฤดูกาลเดียวทั้งสองครั้ง ในฐานะผู้ชนะการแข่งขัน อีเอฟแอลแชมเปียนชิป มังงะ

นิวคาสเซิ่ลยูไนเต็ด

มาดูประวัติของสโมสรฟุตบอล นิวคาสเซิ่ลยูไนเต็ด ว่ามีความเป็นมาอย่างไรบ้าง มาดูกัน 

นิวคาสเซิ่ลยูไนเต็ด 

ในเดือน พฤศจิกายน ค.ศ. 1881 ทีม คริกเก็ตสแตนลีย์ ได้ตัดสินใจตั้งทีมฟุตบอลขึ้น เพื่อลงเล่นในช่วงที่ฤดูกาล แข่งขันคริกเก็ตปิดตัวลงในฤดูหนาว พวกเขาชนะเกมแรก ที่ลงแข่งขันด้วยสกอร์ 5-0 โดยมีคู่แข่งเป็นทีม เอลสวิก เลเธอร์ เวิร์คส์ ชุดสำรอง

หนึ่งปีต่อมา ทีมก็ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น สโมสรฟุตบอลนิวคาสเซิลอีสต์เอนด์ ขณะเดียวกัน ทีมคริกเก็ตอีกทีมหนึ่งในย่านเดียวกัน ก็ได้เริ่มสนใจที่จะตั้งทีมฟุตบอล จนกระทั่งมีการก่อตั้ง สโมสรฟุตบอลนิวคาสเซิล เวสท์ เอนด์ ขึ้นในเดือน สิงหาคม ค.ศ. 1882 

โดยในช่วงแรกนั้น พวกเขาใช้สนามคริกเก็ตเดิมเป็นสนามเหย้า ก่อนที่จะย้ายไปลงเตะใน เซนต์เจมส์พาร์ค หลังจากนั้น ได้มีการจัดตั้งฟุตบอลลีกท้องถิ่นขึ้น ในปี ค.ศ 1889 การที่มีลีกอาชีพในบริเวณใกล้เคียงให้ลงเตะ ประกอบกับความสนใจในถ้วย เอฟเอคัพ 

ทำให้นิวคาสเซิลอีสต์เอนด์ เปลี่ยนจากทีมสมัครเล่นมาเป็นทีมอาชีพ ในปีเดียวกันนั้นเอง แต่ทว่าทางฝั่งนิวคาสเซิล เวสท์ เอนด์ กลับล้มเหลวที่จะตามรอยทีมเพื่อนบ้าน สู่สถานะทีมฟุตบอลอาชีพ

จนกระทั่งในช่วงต้นปี ค.ศ. 1892 ผู้บริหารของนิวคาสเซิล เวสท์ เอนด์ ได้ตัดสินใจที่จะขอเข้าควบกิจการ กับนิวคาสเซิลอีสต์เอนด์ เพื่อมิให้ทีมต้องยุบตัวลงโดยสิ้นเชิง การควบกิจการเป็นไปด้วยดี ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1892 ชื่อ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ก็ถูกเลือกให้เป็นชื่อใหม่ของทีม

นิวคาสเซิลสามารถคว้าแชมป์ลีกสูงสุด ของประเทศมาครองได้ถึงสามสมัย ในช่วงทศวรรษ 1900s และยังเข้าชิงชนะเลิศเอฟเอคัพถึง 5 ครั้งใน 7 ฤดูกาล แต่สามารถเป็นแชมป์ ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นในปี 1910 หลังจากเอาชนะ บาร์นสลีย์ ไปได้ในการเตะนัดรีเพลย์ที่ กูดิสันพาร์ค

หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 สิ้นสุดลง พวกเขาคว้าแชมป์เอฟเอคัพ ได้อีกสมัยโดยการเอาชนะ แอสตันวิลลา ในรอบชิงชนะเลิศที่สนามเวมบลีย์ นอกจากนั้น นิวคาสเซิล ยังเป็นแชมป์ลีกได้อีกหนึ่งสมัย ในปี 1927 อีกด้วย UFABET

กับแชมป์ถ้วยยุโรปของสโมสรนิวคาสเซิ่ลยูไนเต็ด 

ทีมของฮาร์วีย์สามารถทำอันดับ ผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลถ้วยยุโรป ครั้งแรกในปี 1968 ก่อนจะคว้าแชมป์ถ้วย อินเตอร์-ซิตีส์ แฟร์ส คัพ (หรือถ้วยยูฟ่าคัพในปัจจุบัน) ไปครองอย่างเหนือความคาดหมาย ในปีถัดมาโดยสามารถเอาชนะทีมใหญ่ ในยุโรปของยุคนั้นไปได้หลายราย

ไม่ว่าจะเป็น สปอร์ติง ลิสบอน, เฟเยนูร์ด รอตเตอร์ดัม หรือ รีล ซาราโกซา และปิดท้ายด้วยการคว่ำทีม อุจเพสท์ จาก ฮังการี ในรอบชิงชนะเลิศ นับตั้งแต่ก่อตั้งทีมมา นิวคาสเซิลมักจะมอบเสื้อหมายเลข 9 ให้แก่ผู้เล่นกองหน้าชื่อดังประจำทีม

โดยประเพณีนี้ยังคงตกทอด ต่อมาจนถึงปัจจุบัน สำหรับในช่วงเวลานั้น ผู้เล่นที่ได้ใส่เสื้อหมายเลข 9 มีหลายคนด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น วิน เดวีส์, ไบรอัน ร็อบสัน, บ็อบบี มอนเคอร์ หรือ แฟรงค์ คลาร์ก หลังจากประสบความสำเร็จ ในฟุตบอลสโมสรยุโรป 

ฮาร์วีย์ ก็ได้ดึงตัวผู้เล่นเกมรุกชื่อดังมากมาย เข้ามาร่วมทีม นับตั้งแต่ จิมมี สมิธ, โทนี กรีน และเทอร์รี ฮิบบิทท์ ไปจนถึงยอดศูนย์หน้าอย่าง มัลคอล์ม แมคโดแนลด์เจ้าของฉายา ‘ซูเปอร์แมค ผู้เป็นหนึ่งในตำนานของสโมสร

แมคโดแนลด์ พานิวคาสเซิลเข้าชิงชนะเลิศถ้วยเอฟเอคัพ และลีกคัพ กับลิเวอร์พูล และแมนเวสเตอร์ซิตี ในปี 1974 และ 1976 ตามลำดับ แต่พลพรรคแม็กพายส์กลับล้มเหลว ในรอบชิงทั้งสองครั้ง ในช่วงต้นทศวรรษ 1980s นิวคาสเซิลอยู่ในช่วงตกต่ำ

โดยได้ตกชั้นลงไปเล่นอยู่ในดิวิชัน 2 อยู่เป็นเวลาหลายปี ก่อนที่ผู้จัดการทีม อาร์เธอร์ ค็อกซ์ จะสร้างทีมขึ้นมาใหม่โดยมี เควิน คีแกน อดีตกัปตันทีมชาติอังกฤษเป็นแกนหลัก จนกระทั่งได้เลื่อนชั้นกลับสู่ลีกสูงสุด หลังจากนั้น นิวคาสเซิลเล่นอยู่ในดิวิชัน 1 จนกระทั่งพวกเขาตกชั้นอีกครั้งในปี 1989

การกลับคืนสู่ลีกสูงสุด 

ในปี 1992 เควิน คีแกน ได้กลับคืนสู่นิวคาสเซิลอีกครั้ง ในฐานะผู้จัดการทีม เมื่อเขาตอบรับสัญญาระยะสั้น เข้ามาคุมทีมแทนออสซี อาร์ดิเลส ตัวคีแกนเองนั้นกล่าวว่า งานคุมทีมนิวคาสเซิลเป็นงานเดียวเท่านั้น ที่สามารถทำให้เขาหวนคืนสู่วงการฟุตบอลได้

ในขณะนั้น นิวคาสเซิลกำลังดิ้นรนหนีการตกชั้นอยู่ในดิวิชัน 2 ถึงแม้ว่าจะเพิ่งถูกซื้อกิจการโดย เซอร์ จอห์น ฮอลล์ ไปไม่นานก็ตาม ในฤดูกาลนั้น นิวคาสเซิลสามารถหนีรอดพ้นการตกชั้นไปได้ โดยเปิดบ้านเอาชนะ ปอร์ทสมัธ

ก่อนจะบุกไปเอาชนะ เลสเตอร์ซิตี ในสองเกมสุดท้ายของฤดูกาล ในฤดูกาลถัดมา (1992-93) ฟอร์มของนิวคาสเซิล เปลี่ยนแปลงไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ พวกเขาเล่นฟุตบอลเกมรุก แบบตื่นตาตื่นใจ จนกระทั่งคว้าชัยชนะในเกมลีก 11 นัดแรก ก่อนที่จะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งแชมป์ดิวิชัน 1 และเลื่อนชั้นขึ้นสู่พรีเมียร์ลีก ด้วยชัยชนะเหนือ กริมสบี ทาวน์ 2-0 นอตทิงแฮมฟอเรสต์

นิวคาสเซิ่ลยูไนเต็ดตกชั้นสู่เดอะแชมเปียนชิพ 

นิวคาสเซิลสร้างความประหลาดใจ ได้ในนัดแรกของฤดูกาลด้วยการ เสมอกับ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 1-1 และสามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ในช่วงต้นฤดูกาล แต่หลังจากนั้น คีแกน ได้ขัดแย้งกับบอร์ดบริหารของสโมสร จึงตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง โ

ดยแอชลีย์ได้แต่งตั้ง คริส ฮิวจ์ตัน รักษาการแทน ท่ามกลางความไม่พอใจของแฟนบอล หลังจากที่ คีแกน ได้แยกทางกับสโมสรนิวคาสเซิล ฟอร์มย่ำแย่ลงเรื่อยๆ จนกระทั่งแต่งตั้ง โจ คินเนียร์ ดำรงตำแหน่งผู้จัดการทีมแทน คีแกน

โดยหลังจาก คินเนียร์ เข้าดำรงตำแหน่งฟอร์มของทีมก็ดีขึ้น ตามลำดับแต่ในเวลาไม่นาน คินเนียร์ มีอาการโรคหัวใจกำเริบ และต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล และทางบอร์ดบริหารก็ได้ให้ ฮิวจ์ตัน รักษาการแทนอีกครั้ง 

ช่วงท้ายฤดูกาลนิวคาสเซิล ตัดสินใจประกาศแต่งตั้ง แอลัย เชียเรอร์ เข้ารับตำแหน่งผู้จัดการทีม ในช่วง 8 นัดสุดท้ายเพื่อให้หนีตกชั้นได้สำเร็จ แต่ในนัดสุดท้ายของฤดูกาล นิวคาสเซิลบุกไปแพ้แอสตันวิลล่า1-0 ที่วิลลาพาร์ค ทำให้ทีมต้องตกชั้นสู่เดอะแชมเปียนชิพด้วยอันดับ 18 ของตาราง

ตาราง-12-05-64-v