ลีกฟุตบอลอังกฤษ หรือ พรีเมียร์ลีก Premier League ลีกฟุตบอลยอดนิยมระดับโลก

ลีกฟุตบอลอังกฤษ วันนี้จะพารู้จักกับ ลีกฟุตบอลชั้นนำระดับโลก

ลีกฟุตบอลอังกฤษ พรีเมียร์ลีก (อังกฤษ: Premier League) หรือมักจะเรียกว่า พรีเมียร์ลีกอังกฤษ เป็นการแข่งขันฟุตบอล ในระดับลีกสูงสุด ของประเทศอังกฤษ โดยแข่งขันกัน 20 สโมสร มีระบบการตกชั้นไปสู่ อีเอฟแอลแชมเปียนชิป 

ฤดูกาลการแข่งขันเริ่มต้นตั้งแต่ เดือนสิงหาคมถึงพฤษภาคม แต่ละทีมลงเล่นทั้งหมด 38 นัดจากการพบกันเหย้าและเยือน โดยนัดการแข่งขันส่วนใหญ่มักจะแข่งขันในช่วงบ่าย วันเสาร์และวันอาทิตย์ (เวลาท้องถิ่น)

การแข่งขันก่อตั้งในชื่อ เอฟเอพรีเมียร์ลีก เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1992 หลังการตัดสินใจของสโมสรใน ฟุตบอลลีกเฟสต์ดิวิชั่น ที่ต้องการจะแยกตัวออกจาก อิงกลิชฟุตบอลลีก ซึ่งก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1888

เพื่อรับผลประโยชน์จากข้อตกลง สิทธิ์ในการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ ข้อตกลงนั้นมีมูลค่าประมาณ 1 พันล้านปอนด์ต่อปี ณ ฤดูกาล 2013–14 โดยมี สกายและบีทีกรุป ได้สิทธิ์ในการถ่ายทอดสด 116 นัดและ 38 นัด ตามลำดับ พรีเมียร์ลีก เป็นบริษัทที่สโมสรเป็นสมาชิก

ทำหน้าที่เป็นผู้ถือหุ้นและสร้างรายได้ 2.2 พันล้านยูโรต่อปี จากสิทธิ์การถ่ายทอดสดทั้งในประเทศ และต่างประเทศสโมสรได้รับรายได้ จากเงินส่วนกลางจำนวน 2.4 พันล้านปอนด์ในฤดูกาล 2016–1718 และอีก 343 ล้านปอนด์ จ่ายให้กับสโมสรใน อิงกลิชฟุตบอลลีก (อีเอฟแอล) มังงะ 

ลีกฟุตบอลอังกฤษ

มาทำความเข้าใจประวัติของ ลีกฟุตบอลอังกฤษ มีความเป็นมาอย่างไร

เดิมฟุตบอลลีกแห่งนี้ ได้ใช้ชื่อว่า ฟุตบอลลีกดิวิชันหนึ่ง ซึ่งมีจัดการแข่งขันตั้งแต่ปี พ.ศ. 2431 (ค.ศ. 1888) และถือว่าเคยเป็นลีกฟุตบอลที่ยาวนานที่สุดในโลก โดยในปี พ.ศ 2535 ในฤดูกาล 1992-93 ความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ

เกิดขึ้นจาก รูเพิร์ธ เมอร์ด็อก (Rupert Murdoch) นักธุรกิจสื่อสารรายใหญ่เจ้าของ เครือข่ายสถานีโทรทัศน์สกาย (BSkyB) พยายามผลักดันให้สโมสรฟุตบอลที่จะลงแข่งขัน ในดิวิชันหนึ่งประจำฤดูกาล 1992-93 ถอนตัวออกมาจัดตั้ง เป็นพรีเมียร์ลีก

ทำให้ฟุตบอลลีกสูงสุดของอังกฤษ ในชื่อว่าดิวิชันหนึ่ง ซึ่งมีอายุ 104 ปี ต้องยุติลง ขณะเดียวกันทางฟุตบอลลีกเดิมได้เปลี่ยนชื่อจาก ดิวิชันสอง มาเป็น ดิวิชันหนึ่ง และดิวิชัน อื่นได้เปลี่ยนตามกันไป ในช่วงนั้นเป็นช่วงเวลา ที่วงการฟุตบอลอาชีพของอังกฤษตกต่ำอย่างมาก

เกิดเหตุการณ์หลายอย่าง ที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของฟุตบอลอังกฤษ เช่น เหตุการณ์เพลิงไหม้อัฒจันทร์วันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2528  ที่สนามฟุตบอลของ แบรดฟอร์ดซิตี ในระหว่างการแข่งขัน มีผู้เสียชีวิต 56 คน

เหตุการณ์ภัยพิบัติฮิลส์โบโล วันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2532 ที่ สนามฮิลส์โบโล ของ เชฟฟิลด์เวนส์เดย์ มีผู้คนเหยียบกันเสียชีวิต 96 คน นอกจากนี้ ภัยพิบัติเฮย์เชล ซึ่งเกิดขึ้นระหว่าง การแข่งขันฟุตบอล ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบชิงชนะเลิศระหว่าง ลิเวอร์พูล และ ยูเวนตุส ที่มีผู้เสียชีวิต 39 คน

ทำให้ยูฟ่า สั่งห้ามไม่ให้สโมสรจากอังกฤษ เข้าร่วมการแข่งขันชิงถ้วยสโมสรในยุโรปเป็นเวลา 5 ปี นอกจากนี้กลุ่มฮูลิแกนหรืออันธพาลลูกหนัง ที่ตามไปเชียร์ทีมที่ชื่นชอบ ก็ก่อพฤติกรรมเกะกะระรานหลังจบการแข่งขัน เข้าผับดื่มกินจนเมามาย

บ้างก็วิวาทกับแฟนฟุตบอลเจ้าถิ่น เกิดเหตุการณ์วุ่นวายบางครั้งรุนแรงถึงขั้น จลาจลหรือไม่ก็มีคนเสียชีวิต โดยสาเหตุส่วนหนึ่งของภัยพิบัติเฮย์เซล ก็เป็นการทะเลาะกันระหว่างแฟนบอลชาวอิตาลี ที่มาชวนทะเลาะกับฮูลิแกน

ซึ่งทำให้แฟนฟุตบอลไม่สามารถ ชมการแข่งขันได้อย่างสงบสุข เนื่องด้วยกลัวจะถูกลูกหลง ประกอบกับสภาพสนามที่ย่ำแย่ ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก หรือการป้องกันเหตุฉุกเฉินอย่างดีพอ ทำให้ชาวอังกฤษหลายคน ตัดสินใจรับชมการถ่ายทอดสด ทางสถานีโทรทัศน์ที่บ้าน

แทนที่จะเดินทางมาเชียร์ในสนามดังเช่นอดีต ช่วงทศวรรษ 1980 รายได้ของสโมสรจากค่าผ่านประตู ซึ่งเป็นรายได้หลักได้ลดลงอย่างมาก มีเพียงสโมสรชั้นนำไม่กี่แห่งเท่านั้น ที่ยังคงมีกำไร ในฤดูกาล 1986-87 ทุกสโมสรฟุตบอลมีกำไรสุทธิ รวมเพียง 2.5 ล้านปอนด์ พอถึงฤดูกาล 1989-90 รวมทุกสโมสรขาดทุน 11 ล้านปอนด์ ทำให้นายทุนไม่กล้าจะเข้ามาลงทุน ในธุรกิจกีฬาอาชีพนี้อย่างเต็มที่ หลายสโมสรในช่วงนั้นมีข่าวว่าใกล้จะล้มละลาย

การจัดตั้งลีกฟุตบอลอังกฤษ ลีกฟุตบอลภายในประเทศ ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

17 กรกฏาคม พ.ศ. 2534 มีการลงนามข้อตกลงภาคีสมาชิกก่อตั้ง (Founder Members Agreement) เพื่อวางหลักการสำคัญในการจัดตั้ง พรีเมียร์ลีก ได้แก่ ระบบลีกสูงสุดใหม่นี้ จะดำเนินการทางธุรกิจด้วยตนเอง ทำให้พรีเมียร์ลีกมีอิสระ ที่จะเจรจาผลประโยชน์กับผู้สนับสนุน

รวมทั้งสิทธิในการขายสิทธิ ถ่ายทอดโทรทัศน์ของตนเอง แยกขาดจากสมาคมฟุตบอลอังกฤษ และฟุตบอลลีก จากนั้นในปี พ.ศ 2535 ทั้ง 20 สโมสรได้ยื่นขอถอนตัวจากฟุตบอลลีก อย่างเป็นทางการ ต่อมา 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2535

เอฟเอพรีเมียร์ลีกจึงก่อตั้งโดย จดทะเบียนในรูป บริษัทจำกัด มีสโมสรฟุตบอลสมาชิกทั้ง 20 แห่งเป็นหุ้นส่วน ความเป็นหุ้นส่วนจึงขึ้นอยู่กับ ผลการแข่งขันทางสโมสร หากทีมใดยังคงอยู่ในพรีเมียร์ลีก ก็จะถือเป็นหุ้นส่วนของพรีเมียร์ลีกต่อไป

ในช่วงปิดฤดูกาลสโมสรที่ตกชั้น จะต้องมอบสิทธิความเป็นหุ้นส่วน ให้กับสโมสรที่เลื่อนชั้นมาจากดิวิชั่น 2 ที่เปลี่ยนชื่อเป็นดิวิชั่น 1 (ลีกแชมเปียนชิปในปัจจุบัน) โดยมีสมาคมฟุตบอลอังกฤษ ถือสิทธิเป็นหุ้นส่วนหลัก มีอำนาจที่จะคัดค้านในประเด็นสำคัญ

เช่น การแต่งตั้งประธานกรรมการ และผู้บริหารระดับสูง หลักการเลื่อนชั้นหรือตกชั้นของสโมสรเท่านั้น แต่ไม่อาจล่วงไปถึงกิจการเฉพาะ ของพรีเมียร์ลีก ซึ่งได้แก่เงื่อนไขและผลประโยชน์ เชิงพาณิชย์ต่างๆด้วยค่าตอบแทน จากการถ่ายทอดโทรทัศน์และประโยชน์ ที่ได้รับจากผู้สนับสนุนการแข่งขัน ทำให้พรีเมียร์ลีกพัฒนาเป็นลีกฟุตบอล ภายในประเทศที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แทงบอลออนไลน์

รูปแบบการแข่งขันลีกอังกฤษ 

มีสโมสรร่วมกันแข่งขันในพรีเมียร์ลีก 20 ทีม ในช่วงระหว่างฤดูกาล (ตั้งแต่สิงหาคมถึงพฤษภาคม) โดยแต่ละทีมจะพบกันหมด เหย้าและเยือน ทีมชนะได้ 3 คะแนน ทีมเสมอได้ 1 คะแนน และทีมแพ้ไม่ได้คะแนน ตลอดฤดูกาลทุกทีมจะต้องแข่งขันทั้งสิ้น 38 นัด

ทีมจะถูกจัดอันดับโดยเรียงจาก คะแนน, ผลประตูได้เสียและผลประตูรวม หากยังคงเท่ากัน ทีมจะถือว่าครองตำแหน่งเดียวกัน หากมีการเสมอกันในการตกชั้นสู่การแข่งขันลีกแชมเปียนชิป หรือ การคัดเลือกไปยังการแข่งขันอื่นๆ

จำเป็นต้องมีการแข่งขันเพลย์ออฟ ที่สนามกลางเพื่อตัดสินอันดับ มีระบบการเลื่อนชั้นและการตกชั้น ระหว่าง พรีเมียร์ลีก และ อีเอฟแอลเชมเปียนส์ชิป โดยสามทีมที่ได้อันดับต่ำ สุดในพรีเมียร์ลีก จะต้องตกชั้นไปเล่นใน แชมเปียนชิป

และทีมที่อันดับสูงที่สุดสองทีม ในแชมเปียนชิปจะเลื่อนชั้นไป พรีเมียร์ลีก พร้อมกับอีกหนึ่งทีมที่มาจากการชนะเลิศ ในการแข่งขันเพลย์-ออฟระหว่างอันดับที่ 3, 4, 5 และ 6 แต่เดิมพรีเมียร์ลีกมี 22 ทีม ตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1992 แต่ลดลงเหลือ 20 ทีม เมื่อปี ค.ศ. 199

ลีกฟุตบอลอังกฤษการคัดเลือก ไปยังการแข่งขันอื่น

4 ทีมที่อันดับดีสุดจะได้ผ่านเข้าไปเล่นใน ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก โดยสี่ทีมอันดับแรกจะผ่านเข้าไป รอในรอบแบ่งกลุ่ม (ทีมชนะเลิศได้อยู่โถ 1) ส่วนอันดับ 5 จะได้เล่น ยูฟ่ายูโรปาลีก (ยูฟ่า คัพ เดิม) และทีมที่ชนะเลิศการแข่งขันฟุตบอล ถ้วยภายในประเทศ

ก็จะได้สิทธิ์ไปเล่นในยูโรปาลีก โดยอัตโนมัติเช่นกัน ส่วนทีมที่ชนะเลิศการแข่งขันฟุตบอล อีเอฟแอลคัพ ก็จะได้สิทธิ์ไปเล่นใน ยูฟ่ายูโรปาคอนเฟอเรนซ์ลีก โดยอัตโนมัติเช่นกัน ในกรณีที่ทีมอันดับ 1-4

ชนะการแข่งขันฟุตบอลถ้วยภายในประเทศ และชนะการแข่งขันฟุตบอลลีกคัพ สิทธิ์การแข่งยูโรปาลีก จะได้แก่อันดับ 5 และ 6 ของพรีเมียร์ลีกแทน และสิทธิ์การแข่งคอนเฟอเรนซ์ลีก จะได้แก่อันดับ 7 ของพรีเมียร์ลีกแทน โบรุสซีอาดอร์ทมุนท์

 

ตาราง-12-05-64-v