เอฟเวอร์ตัน สโมสรฟุตบอลของอังกฤษ ตั้งอยู่ในเมืองลิเวอร์พูล เป็นหนึ่งในสโมสร ผู้ร่วมก่อตั้งอิงกลิชฟุตบอลลีก

เอฟเวอร์ตัน วันนี้จะพามารู้จัก สโมสรฟุตบอลที่เล่นในลีกสูงสุด ของอังกฤษมากที่สุด ในประวัติศาสตร์ถึง 118 ฤดูกาล

เอฟเวอร์ตัน สโมสรฟุตบอลเอฟเวอร์ตัน (อังกฤษ: Everton Football Club) เป็นสโมสรฟุตบอลของอังกฤษ ตั้งอยู่ในเมืองลิเวอร์พูล ปัจจุบันเล่นอยู่ในพรีเมียร์ลีก ลีกสูงสุดของฟุตบอลอังกฤษ เป็นหนึ่งในสโมสรผู้ร่วมก่อตั้ง อิงกลิชฟุตบอลลีก และเป็นสโมสรที่เล่นในลีกสูงสุดของอังกฤษ

มากที่สุดในประวัติศาสตร์ถึง 118 ฤดูกาล โดยพลาดการเล่นในลีกสูงสุด เพียงแค่ 4 ครั้งเท่านั้น และยังเป็นสโมสรที่เล่นในลีกสูง สุดติตต่อกันยาวนานที่สุด เป็นอันดับสอง รวมทั้งเป็นทีมที่เก็บคะแนนรวม จากการเล่นบนลีกสูงสุดมากที่สุด เป็นอันดับสาม สโมสรชนะเลิศฟุตบอลลีกสูงสุด 9 สมัย

เอฟเอคัพ 5 สมัย, เอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์ 9 สมัย และ ยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ 1 สมัย ก่อตั้งขึ้นใน ค.ศ. 1878 และสโมสรชนะเลิศฟุตบอลดิวิชันหนึ่ง ครั้งแรกในฤดูกาล 1890–91 และภายหลังจากชนะเลิศดิวิชันหนึ่ง เพิ่มอีก 4 สมัย และเอฟเอคัพอีก 2 สมัย สโมสรเข้าสู่ช่วงตกต่ำ หลังสงครามโลกครั้งที่สอง

ก่อนจะกลับมาประสบความสำเร็จ อีกครั้งในทศวรรษ 1960 และพวกเขาประสบความเร็จมากที่สุดในช่วงทศวรรษ 1980 โดยชนะเลิศดิวิชันหนึ่งอีก 2 สมัย, เอฟเอคัพ 1 สมัย และชนะเลิศถ้วยยุโรปรายการแรกในยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ ค.ศ. 1985 ดูบอลออนไลน์

เอฟเวอร์ตัน

มาดูประวัติของสโมสร เอฟเวอร์ตัน ว่ามีความเป็นมาอย่างไร ? มาดูไปพร้อมๆกันเลย

เอฟเวอร์ตันเป็นหนึ่งในสโมสรฟุตบอล ที่เก่าแก่ที่สุดในสหราชอาณาจักร ก่อตั้งขึ้นใน ค.ศ. 1878 ในชื่อ สโมสรฟุตบอลเซนต์โดมิงโก ตามชื่อโบสถ์ในเมืองลิเวอร์พูล เพื่อให้สมาชิกของโบสถ์ ร่วมเล่นกีฬากันได้ตลอดทั้งปี โดยนอกจากฟุตบอลแล้ว ยังมีการเล่นคริกเกตในฤดูร้อน

สโมสรลงแข่งขันนัดแรก พบกับสโมสรเอฟเวอร์ตันเชิร์ช โดย เซนต์โดมิงโก ชนะ 1–0 ก่อนจะเปลี่ยนชื่อสโมสรเป็น เอฟเวอร์ตัน ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1879 ตามชื่อท้องถิ่น เนื่องจากผู้คนในชุมชนต้องการ เข้าร่วมสโมสรเป็นจำนวนมาก

เอฟเวอร์ตัน เป็นหนึ่งในสโมสรผู้ร่วมก่อตั้ง อิงกลิชฟุตบอลลีก ในฤดูกาล 1888–89 ก่อนจะประสบความสำเร็จครั้งแรก โดยคว้าแชมป์ฟุตบอลลีก ฤดูกาล 1890-91 ต่อมา สโมสรคว้าแชมป์เอฟเอคัพ สมัยแรกใน ค.ศ. 1906 ตามด้วยแชมป์ดิวิชันหนึ่ง สมัยที่สองในฤดูกาล 1914–15

สงครามโลกครั้งที่หนึ่งใน ค.ศ. 1914 ทำให้การแข่งขันฟุตบอลอังกฤษ ต้องยุติลงชั่วคราวซึ่งเป็นฤดูกาล ที่เอฟเวอร์ตันคว้าแชมป์ได้ และเหตุการณ์เช่นนี้ได้เกิดขึ้นอีกครั้ง หลังการคว้าแชมป์ดิวิชันหนึ่ง ในฤดูกาล 1938–39 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เอฟเวอร์ตันกลับมาประสบความสำเร็จ

หลังจากการมาถึงของ ดิ๊กซี่ ดีน ซึ่งย้ายมาจากแทรนเมียร์โรเวอส์ ใน ค.ศ. 1925 โดยในฤดูกาล 1927–28 ดีนได้สร้างสถิติทำประตูในลีกถึง 60 ประตูจากการลงเล่น 39 นัด ถือเป็นสถิติการทำประตู ในลีกสูงสุดในหนึ่งฤดูกาลมากที่สุด ตลอดกาลมาถึงปัจจุบัน

ซึ่งดีนพาทีมคว้าแชมป์ดิวิชันหนึ่ง ได้เป็นสมัยที่สามในฤดูกาลนั้น อย่างไรก็ตาม สโมสรต้องตกชั้นลงไปในดิวิชันสอง ในอีกสองฤดูกาลต่อมาเนื่องจาก ปัญหาภายในแต่สามารถเลื่อนชั้น กลับขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว และทำสถิติเป็นทีมที่ทำประตูมากที่สุด ในดิวิชันสอง

เอฟเวอร์ตัน คว้าแชมป์ดิวิชันหนึ่งสมัยที่สี่ ในฤดูกาล 1931–32 ตามด้วยแชมป์เอฟเอคัพใน ค.ศ. 1933 เอาชนะแมนเชสเตอร์ซิตี ในรอบชิงชนะเลิศ 3–0 และปิดท้ายความสำเร็จ ในทศวรรษนี้ด้วยแชมป์ดิวิชันหนึ่ง สมัยที่ห้าในฤดูกาล 1938–39

สงครามโลกครั้งที่สอง ทำให้การแข่งขันต้องหยุดชะงักอีกครั้ง ก่อนจะกลับมาแข่งขันใน ค.ศ. 1946 เอฟเวอร์ตันได้รับผลกระทบ โดยเสียผู้เล่นหลายราย และทีมมีผลงานที่ย่ำแย่กว่า ในช่วงก่อนสงคราม

พวกเขาต้องตกชั้นอีกครั้งในฤดูกาล 1950–51 และเลื่อนชั้นกลับขึ้นมาในฤดูกาล 1953–54 เมื่อพวกเขาจบอันดันสาม ในฟุตบอลดิวิชันสอง และสโมสรไม่ตกชั้นจากลีกสูงสุดอีกเลย นับแต่นั้น ฟุตบอลทีมชาติออสเตรเลีย

เอฟเวอร์ตัน

สีและตราสัญลักษณ์ ของสโมสรฟุตบอลเอฟเวอร์ตัน

สีประจำทีมของเอฟเวอร์ตัน คือเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงิน กางเกงขาสั้นสีขาว และถุงเท้าสีขาว อย่างไรก็ตาม ในช่วงทศวรรษแรกของประวัติศาสตร์ เอฟเวอร์ตัน พวกเขามีชุดแข่งขันหลายสี เดิมทีเคยสวมชุดสีขาว ตามด้วยเสื้อสีน้ำเงิน และแถบสีขาว

ต่อมา สโมสรสวมเสื้อสีดำล้วน เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในการย้อมสี และเพื่อให้ดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น แต่ไม่เป็นที่ยอมรับจึงมีการ เพิ่มลายคาดสีแดงในเวลาต่อมา เมื่อสโมสรย้ายสู่สนาม กูดิสันพาร์ก ใน ค.ศ. 1892 เริ่มมีการสวมชุดแข่งสีชมพู และสีน้ำเงินเข้ม

พร้อมทั้งกางเกงขาสั้นสีน้ำเงินเข้ม ก่อนที่เสื้อสีน้ำเงินและกางเกงสีขาว จะถูกนำมาใช้ครั้งแรกในฤดูกาล 1901–02 และมีการเปลี่ยนไปสวมสีฟ้า แบบสกายบลูใน ค.ศ. 1906 แต่ได้รับการต่อต้าน จากกลุ่มผู้สนับสนุน สโมสรจึงกลับใช้สีน้ำเงินตามเดิม

ชุดเหย้าของสโมสรในปัจจุบัน เป็นสีน้ำเงินเข้ม (รอยัลบลู) พร้อมกางเกงขาสั้นสีขาว และถุงเท้าสีขาว และสโมสรอาจสวมชุดแข่งสีน้ำเงินล้วน ในบางครั้งเพื่อเลี่ยงการซ้ำกันของสีทีมคู่แข่ง ชุดแข่งทีมเยือนของสโมสร มักเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงสีดำ

ทว่านับตั้งแต่ ค.ศ. 1968 เสื้อสีเหลืองและกางเกงสีน้ำเงิน ถูกใช้บ่อยขึ้นและนับตั้งแต่ทศวรรษ 1970 เป็นต้นมา สโมสรมีการใช้สีเสื้อทีมเยือนมากมายเช่น สีเหลือง, สีดำ, สีเทา และ สีขาว

ฉายาของทีม

สโมสรเอฟเวอร์ตัน มีชื่อเล่นว่า “The Toffees” และ “The Toffeemen” ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากเอฟเวอร์ตัน ย้ายไปกูดิสันพาร์ก มีข้อสันนิษฐานสองประการถึง ชื่อเรียกดังกล่าว ประการแรก เชื่อว่าน่าจะมาจากร้านขนมหวาน ซึ่งขายทอฟฟีในตำบลนั้น (everton brow)

ซึ่งชื่อร้าน “Mother Noblett’s” โดยเป็นร้านที่ได้รับความนิยม มีทอฟฟีที่ขายดีทีสุดคือ Everton Mint และร้านดังกล่าวยังตั้งอยู่ตรงข้าม ล็อกอัพซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสโมสร และมีเรื่องเล่ากันว่าในสมัยนั้น จะมีสตรีคนหนึ่ง โยนทอฟฟีเอฟเวอร์ตันมินต์ ให้แฟนบอลข้างสนาม ก่อนเริ่มเกมเป็นประจำ

เอฟเวอร์ตันมีชื่อเล่นอื่นๆ มากมายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จากการสวมชุดแข่งสีดำ ทำให้ทีมได้รับฉายาว่า “เดอะแบล็ควอตช์” ตั้งตามชื่อกองทหารที่มีชื่อเสียงของสกอตแลนด์ และนับตั้งแต่สวมชุดแข่งสีน้ำเงิน ใน ค.ศ. 1901 สโมสรจึงมีชื่อเรียกว่า “เดอะบลู”

และด้วยรูปแบบการเล่นที่น่าตื่นเต้น เร้าใจ สตีฟ บลูเมอร์ อดีนนักฟุตบอลและผู้จัดการ ทีมชาติอังกฤษจึงเรียกสโมสรว่า “scientific” ใน ค.ศ. 1928 นำไปสู่ฉายา “The School of Science” ทีมที่ชนะการแข่งขันเอฟเอคัพปี 1995

เป็นที่รู้จักในนาม “The Dogs of War” และเมื่อ เดวิด มอยส์ เข้ามาเป็นผู้จัดการทีม เขาได้ประกาศให้เอฟเวอร์ตันเป็น “สโมสรประชาชน” (The People’s Club) ซึ่งวลีนี้ได้รับการรับรอง เป็นชื่อเล่นกึ่งทางการของสโมสร

เอฟเวอร์ตันกับสนามแข่ง กูดิสันพาร์ก

เดิมที เอฟเวอร์ตัน ลงเล่นบริเวณตะวันออกเฉียงใต้ ของสแตนลีย์พาร์ค สวนสาธารณะขนาดใหญ่ในเมืองลิเวอร์พูล การแข่งขันนัดแรกอย่างเป็นทางการ เกิดขึ้นในปี 1879 ต่อมาในปี 1884 เอฟเวอร์ตัน ได้เป็นผู้เช่าสนามแอนฟีลด์ ซึ่งมีเจ้าของคือ จอห์น ออร์เรลล์

เจ้าของที่ดินซึ่งเป็นเพื่อน ของสมาชิกสโมสรเอฟเวอร์ตัน จอห์น โฮลดิง ออร์เรลล์ให้เอฟเวอร์ตัน เช่าแอนฟีลด์แลกกับค่าเช่าเล็กน้อย ต่อมา โฮลดิง ซื้อที่ดินต่อจากออร์เรล์ ในปี 1885 และถือกรรมสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของ สนามแอนฟีลด์ และทำการขึ้นค่าเช่าสนามจาก 100 ปอนด์ เป็น 240 ปอนด์ในปี 1888

และยังคงขึ้นราคาอย่างต่อเนื่อง กระทั่งปี 1892 สโมสรเอฟเวอร์ตันยอมรับไม่ได้ กับการขึ้นค่าเช่าดังกล่าว ตามมาด้วยข้อพิพาทระหว่างโฮลดิง และคณะกรรมการที่เหลือของสโมสร โฮลดิง ต้องการจะมีอำนาจเบ็ดเสร็จ ในการบริหารทีม

โดยต้องการเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ทั้งชื่อสโมสร, สี และการกำหนดการแข่งขัน แต่ถูกปฏิเสธโดยสมาคมฟุตบอลอังกฤษ สโมสรเอฟเวอร์ตัน จึงยุติการใช้งานแอนฟีลด์ และย้ายไปสู่สนามแห่งใหม่อย่าง กูดิสันพาร์ก ในปี 1892

ในขณะที่ จอห์น โฮลดิง ได้ไปก่อตั้งสโมสรแห่งใหม่ในนาม สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล และยังคงใช้สนามแอนฟีลด์ มาถึงปัจจุบัน สนามกูดิสันพาร์ก ถูกใข้งานในการแข่งขันลีกสูงสุด มากกว่าสนามอื่นๆ ในสหราชอาณาจักร

และเป็นสนามเดียวของสโมสร ในอังกฤษที่ถูกใข้งานใน รอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 1966 นอกจากนี้ยังเป็นสนามแห่งแรก ของอังกฤษที่ติดตั้งระบบทำความร้อนใต้ดิน และเป็นสนามแห่งแรก ที่มีอัฒจันทร์สองชั้นทุกด้านของสนาม

ตาราง-12-05-64-v