อาร์เยน ร็อบเบน นักฟุตบอลชาวดัตช์ เล่นในตำแหน่งปีก และเป็นกัปตันทีมชาติฮอลแลนด์

อาร์เยน ร็อบเบน จะพามารู้จักกับนักฟุตบอล ที่มีทักษะการเลี้ยงบอล ความเร็ว ความสามารถในการส่งลูกบอล และความแม่นยำในการยิงระยะไกล

อาร์เยน ร็อบเบน (ดัตช์: Arjen Robben; เกิด 23 มกราคม ค.ศ. 1984) เป็นนักฟุตบอลชาวดัตช์ ปัจจุบันเล่นในตำแหน่งปีก ให้กับโครนิงเงิน เคยเล่นให้กับสโมสรฟุตบอลเยอรมันใน บุนเดิสลีกา สโมสรฟุตบอลไบเอิร์นมิวนิก ตำแหน่งกองหน้า แต่โดยมากเขาเล่นในตำแหน่งปีก

เขาเป็นที่รู้จักในฐานะผู้เล่นที่มีทักษะ การเลี้ยงบอล ความเร็ว ความสามารถในการส่งข้ามลูกบอล และความแม่นยำในการยิงระยะไกล เขาเป็นส่วนหนึ่งในทีมฟุตบอลทีมชาติเนเธอร์แลนด์ และลงแข่งในยูโร 2004, ฟุตบอลโลก 2006, ยูโร 2008 และฟุตบอลโลก 2010

ร็อบเบนลงเล่นกับ สโมสรฟุตบอลโครนิงเงิน (FC Groningen) เขาเล่นในฤดูกาล 2000–01 ต่อจากนั้นเซ็นสัญญากับ เปเอสเฟ ไอนด์โฮเฟิน (PSV Eindhoven) ที่นี่เขาได้รับรางวัลผู้เล่นดาวรุ่ง แห่งปีของเนเธอร์แลนด์ และยังได้แชมป์ลีกเอเรอดีวีซี ในฤดูกาลต่อมาสโมสรอังกฤษ มีความสนใจที่จะเซ็นสัญญากับเขา และหลังจากการเจรจาอันยืดเยื้อ เขาร่วมกับสโมสรฟุตบอลเชลซีหลังปิดฤดูกาล 2004 โหลดเกมส์

อาร์เยน ร็อบเบน

มาดูถึงประวัติของ อาร์เยน ร็อบเบน ว่ามีความเป็นมาอย่างไร มาดูกันเลย 

อาร์เยน ร็อบเบน นักฟุตบอลชื่อดังชาวดัตช์ เกิดเมื่อวันที่ 23 มกราคม ปี 1984 ที่เมืองเบดุม, โกรนินเก้น ประเทศฮอลแลนด์ โดยเขาเริ่มต้นเส้นทางสายลูกหนังด้วยการไปร่วมทีม ซีวีวีบี และ วีวี เบดุม

ร็อบเบน ชื่นชอบหลักสูตรการอบรมนักเตะแบบ “โคเออร์เวอร์” ซึ่งคิดค้นโดย วีเอล โคเออร์เวอร์ โค้ชฟุตบอลคนหนึ่งของฮอลแลนด์ โดยหลักสูตรนี้เน้นเรื่องความสามารถเฉพาะตัวของนักเตะ การครองบอล และการควบคุมบอลได้ดี

รวมทั้งความรวดเร็วในการจู่โจมคู่ต่อสู้ ด้วยเทคนิคของฝีเท้า และร็อบเบน ก็มีคุณสมบัติดังกล่าวอยู่ในตัวอย่างครบถ้วน จนทำให้ เอฟซี โกรนินเก้น สโมสรใหญ่ในเมืองของเขา ดึงตัวไปร่วมทีม

เอฟซี โกรนินเก้น เริ่มบ่มเพาะ ร็อบเบน ด้วยการให้เริ่มต้นเล่นให้ทีมเยาวชน ระดับซีในฤดูกาล 1999/2000 และเขาก็ยิงได้ถึง 50 ประตู ซึ่งนั่นก็ดีพอที่จะทำให้ แยน ฟาน ไดจ์ค กุนซือของทีมชุดใหญ่ เรียก ร็อบเบน ขึ้นไปเสริมทีม ในเดือนพฤศจิกยน ปี 2000

ก่อนที่จะส่งดาวเตะจอมเทคนิครายนี้ ลงสนามเป็นนัดแรกในเกมที่พบกับ อาร์เคซี วาลไวจ์ค โดย ร็อบเบน ถูกเปลี่ยนตัวลงสนามไปแทน ลีโอนาร์โด้ ดอส ซานโต๊ส ในนาทีที่ 79 ของการแข่งขัน หลังจากนั้นในฤดูกาล 2000/2001 ร็อบเบน ก็กลายเป็นนักเตะชุดใหญ่ของทีมอย่างเต็มตัว

ลงสนามเป็นตัวจริงไป 18 นัด แม้จะทำได้แค่ 2 ประตู แต่ด้วยทักษะและลีลาการเล่น ที่เหลือร้ายทำให้เขาได้รับเลือก เป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี ในฤดูกาล 2001-2002 ร็อบเบน ยังพัฒนาฝีเท้าไปอย่างไม่หยุดยั้ง ลงสนามไป 18 นัด ทำได้ 6 ประตู

และด้วยฝีเท้า เทคนิค และความเร็วอันขึ้นชื่อลือชาของเขาทำให้ ร็อบเบน โด่งดังไปทั้วฮอลแลนด์ จนในที่สุด พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ทีมยักษ์ใหญ่แดนหังกันลม ก็มาซื้อตัว ร็อบเบน ไปร่วมทีมก่อนที่ฤดูกาล 2002/2003 จะเริ่มขึ้น ด้วยค่าตัว 4.2 ล้านปอนด์ GAME HALL

อาร์เยน ร็อบเบน

สโมสรฟุตบอล พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่นกับอาร์เยน ร็อบเบน ในฤดูกาล 2002-2004

ในช่วงออกเริ่มต้นฤดูกาล 2002/2003 กับต้นสังกัดใหม่อย่าง พีเอสวี มีเสียงวิจารณืว่า ร็อบเบน ค่าตัวสูงเกินไปไหมสำหรับนัดเตะวัยแค่ 18 ปี แต่เขาก็จัดการลบเสียงวิจารณ์เหล่านั้น ด้วยการลงวาดลวดลาย 33 นัด ยิงได้ 12 ประตู พาทีมคว้าแชมป์ลีกฮอลแลนด์ สมัยที่ 17 มาครองได้

โดยที่เขายังได้รับเลือกเป็น นักเตะยอดเยี่ยมของทีมร่วมกับ มาเตย่า เคซมัน นอกจากนั้นยังได้รางวัลนักเตะ ความสามารถดีเด่นประจำปี อีกด้วยหลังจากออกเริ่มต้นฤดูกาลแรกกับ พีเอสวี ได้อย่างสุดประทับใจ ปรากฏว่าในฤดูกาลต่อมา ร็อบเบน ต้องพบกับฤดูกาลที่น่าผิดหวังบ้าง

เมื่อ พีเอสวี พลาดท่าเสียแชมป์ลีกให้กับ อาแจ๊กซ์ คู่ปรับสำคัญขณะที่ ร็อบบเน ก็โดนอาการบาดเจ็บที่เอ็นหลังหัวเข่าเล่นงาน 2 ครั้ง จนไม่ได้ลงสนามไปพักหนึ่ง แถมยังโดน กุส ฮิดดิงค์ กุนซือของทีมตำหนิว่านิสัยไม่ดี ชอบแกล้งพุ่งล้มตบตาผู้ตัดสิน จนโดนใบเหลืองจากคดีนี้ไปหลายครั้ง

แม้จะประสบมรสุมชีวิตที่ พีเอสวี แต่ด้วยฝีเท้าที่เอกอุทำให้ ร็อบเบน เป็นที่ต้องการของ รีล มาดริด ทีมมหาอำนาจของสเปน และ 2 ยักษ์ใหญ่ของอังกฤษ อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เชลซี แม้ว่า เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีม “ปีศาจแดง”

จะเชิญ ร็อบเบน ไปพบและลงทุนเกลี้ยกล่อมด้วยตัวเอง แต่การที่ แมนฯยูฯ ยื่นข้อเสนอให้กับ พีเอสวี 7 ล้านปอนด์ มันไม่เพียงพอต่อความต้องการ ของทีมดังแดนกังหันลม ถึงขนาดที่ว่า แฮร์รี่ ฟาน ไรจ์ ประธานสโมสรพีเอสวี กล่าวประชดว่าเงินแค่นี้คงซื้อได้แค่เสื้อ และรูปถ่ายพร้อมลายเซ็นของ ร็อบเบน เท่านั้น

ขณะที่ รีล มาดริด ก็ไม่ใช่ทีมในฝันของ ร็อบเบน เพราะเขาขอบบาร์เซโลน่า มากกว่าทำให้ เชลซี ยื่นข้อเสนอ 18 ล้านปอนด์ ไปให้ พีเอสวี พิจารณา และทางทีมดังแห่งฮอลแลนด์ ก็ตอบรับข้อเสนอนี้ อย่างพึงพอใจเป็นการย้ายทีมอีกครั้งของ ร็อบเบน จึงบังเกิดขึ้น

ในฤดูกาล 2004-2007 กับสโมสรฟุตบอล เชลซี

หลังจากย้ายมาร่วมทีม เชลซี ได้ไม่นาน ร็อบเบน ก็ได้รับบาดเจ็บในการลงเตะอุ่นเครื่อง ช่วงปรีซีซั่นนัดที่พบกับ โรม่า ทำให้เขาต้องพักยาวกว่าจะได้ลงสนาม ให้กับ “สิงโตน้ำเงินคราม” อย่างเป็นทางการ ก็ล่วงถึงเดือนพฤศจิกายน ปี 2004

แต่หลังจากที่หายเจ็บกลับมาแล้ว ร็อบเบน ก็ยึดตำแหน่งตัวจริงมาครอง ได้อย่างไม่ยากเย็นพร้อมทั้งกลาย เป็นขวัญใจแฟนบอลเชลซีด้วยลีลาการเล่น และเทคนิคที่แพรวพราว จนเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยพา เชลซี คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก และ ลีก คัพ มาครองได้

ในฤดูกาล 2004/2005 ก่อนจะมาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก เป็นสมัยที่สองติดต่อกัน ฤดูกาล 2005/2006 เข้าสู่ฤดูกาล 2006/2007 ดูเหมือนว่า ชีวิตในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ของร็อบเบน ก็เริ่มจะมีอุปสรรคเมื่อเขาต้องถูกจับนั่ง เป็นตัวสำรองอยู่บ่อยครั้ง

เนื่องจะระบบการเล่นที่ไม่เอื้ออำนวย กับสไตล์การเล่นของเขา แต่จากอาการบาดเจ็บของ โจ โคล ก็เท่ากับเป็นเปิดโอกาสให้เขา ร็อบเบน ได้กลับมาเล่นเป็นตัวจริงอีกครั้ง และเขาก็ทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่ความโชคร้ายจะมาเยือนเขาอีกจนได้

โดย ร็อบเบน ต้องพลาดการลงสนามให้ทีมไป ตั้งแต่ปลายเดือน มีนาคม เนื่องจากต้องเข้ารับการผ่าตัดที่เข่า อย่างไรก็ตามเขาก็กลับมาฟิตพร้อมลงเล่น ให้ทีมได้ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ รอบรองชนะเลิศ ที่พบกับ ลิเวอร์พูล โดยแม้ว่าจะไม่อาจพาทีมคว้าแชมป์รายการนี้ได้

แต่เขาก็ยังมีส่วนช่วยให้ทีม “สิงห์บูลส์” คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ มาครองได้สำเร็จหลังเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในรอบชิงชนะเลิศ เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2007 และนั่นก็เป็นฤดูกาลสุดท้าย ของเขาในเกาะอังกฤษ ก่อนที่จะเก็บกระเป๋า ย้ายไปร่วมทีม เรอัล มาดริด หลังจบซีซั่น 

อาร์เยน ร็อบเบนกับสโมสรเรอัล มาดริด

ในวันที่ 22 สิงหาคม ปี 2007 ร็อบเบน เซ็นสัญญากับ ทีม “ราชันชุดขาว” เป็นเวลา 5 ปี ในราคา 24 ล้านปอนด์ ส่งทำให้เขากลายเป็นนักเตะค่าตัวแพง เป็นอันดับ 5 ในประวัติศาสตร์ของสโมสร ตามหลัง ซีเนอดีน ซีดาน, หลุยส์ ฟิโก, เดวิด เบ๊คแฮม และ โรนัลโด้ ตามลำดับ

ร็อบเบน ลงสนามให้กับ เรอัล มาดริด นัดแรก ในวันที่ 18 กันยายน ในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก ที่พบกับ แวร์เดอร์ เบรเมน ก่อนที่เขาจะต้องพลาดช่วยต้นสังกัด เป็นเวลากว่า 6 สัปดาห์ เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อ ต้นขารบกวนมาจากเกมทีมชาติก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ตาม เขาก็กลับมาลงสนามได้อีกครั้งในเดือน ธันวาคม ซึ่งหลังจากนั้น ร็อบเบน ก็โชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจ จนสามารถกลายเป็นกำลังสำคัญของ ขุนพล “เอล กลาซิโก้” ได้อย่างถาวรพร้อมกับช่วยให้ทีม คว้าแชมป์ ลา ลีกา มาครองได้สำเร็จ เป็นสมัยที่ 31 โดยทำแต้มทิ้งห่างทีมอันดับ 2 อย่าง บียาร์เรอัล ชนิดไม่เห็นฝุ่น อีกด้วย บรูโน่ เฟอร์นันเดส

ตาราง-12-05-64-v