สโมสรฟุตบอลอาร์เซนอล ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดสโมสรหนึ่ง โดยชนะเลิศลีกสูงสุด 13 สมัย

สโมสรฟุตบอลอาร์เซนอล วันนี้จะพามาทำความรู้จัก สโมสรฟุตบอลชื่อดังใรพรีเมียร์ลีก

สโมสรฟุตบอลอาร์เซนอล (อังกฤษ: Arsenal Football Club) เป็นสโมสรฟุตบอลที่เล่นในพรีเมียร์ลีก จากย่านฮอลโลเวย์ ในกรุงลอนดอน เป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด สโมสรหนึ่งในวงการฟุตบอลอังกฤษ 

โดยชนะเลิศลีกสูงสุด 13 สมัย, เอฟเอคัพ 14 สมัย (สถิติสูงสุด), ลีกคัพ 2 สมัย, เอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์ 16 สมัย, ยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ 1 สมัย และ อินเตอร์-ซิตีแฟส์คัพ 1 สมัย อาร์เซนอลครองสถิติร่วม โดยอยู่ในลีกสูงสุดของอังกฤษยาวนานที่สุด โดยไม่ตกชั้น

และอยู่ในอันดับหนึ่งจากผลรวม การจัดอันดับสโมสรในลีกตลอดศตวรรษที่ 20 อาร์เซนอลก่อตั้งใน ค.ศ. 1886 ที่วูลิช โดยกลุ่มคนงาน 15 คน ช่วยกันบริจาคเงินคนละ 6 เพนซ์ เป็นค่าตั้งสโมสร ที่รอยัลโอ๊คผับ

และใน ค.ศ. 1893 อาร์เซนอลเป็นสโมสรแรก จากลอนดอนใต้ที่ร่วมแข่งขันในฟุตบอลลีก ต่อมาใน ค.ศ. 1913 สโมสรได้ย้ายมายังลอนดอนเหนือ และย้ายสนามมายังอาร์เซนอลสเตเดียมในไฮบรี ในช่วงทศวรรษ 1930

สโมสรชนะเลิศดิวิชั่นหนึ่ง 5 สมัย และเอฟเอคัพ 2 สมัย และในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง พวกเขาชนะเลิศฟุตบอลลีก และเอฟเอคัพ ได้ทั้งสองถ้วยเป็นครั้งแรกในฤดูกาล 1970-71 และทำได้อีกสองครั้งในฤดูกาล 1997-98 และ 2001-02 หนังออนไลน์ล่าสุด

สโมสรฟุตบอลอาร์เซนอล

ประวัติของ สโมสรฟุตบอลอาร์เซนอล มีความเป็นมาอย่างไรมาดูกัน

ยุคแรก สโมสรฟุตบอลอาร์เซนอลเริ่มต้นขึ้น เมื่อกลุ่มคนงานของโรงงาน ผลิตอาวุธรอยัลอาร์เซนอล ในแขวงวูลิช กรุงลอนดอน ก่อตั้งทีมฟุตบอลของตนเองขึ้นมาเมื่อปลาย ค.ศ. 1886 ในชื่อ ไดอัล สแควร์ การแข่งขันแรกของทีม

คือเกมที่สามารถเก็บชัยชนะ เหนือทีมอีสเทิร์น วันเดอเรอร์ส 6-0 เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม ค.ศ. 1886 หลังจากนั้นไม่นานก็เปลี่ยนชื่อเป็น รอยัลอาร์เซนอล และยังคงแข่งขันในเกมอุ่นเครื่อง และรายการท้องถิ่นต่อไป

จากนั้นได้ก้าวขึ้นมาเป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพ แล้วหันมาใช้ชื่อ วูลิชอาร์เซนอล ใน ค.ศ. 1891 อาร์เซนอลได้เข้าร่วมการแข่งขัน ฟุตบอลลีกเป็นครั้งแรกในปี 1893 ในดิวิชั่น 2 จากนั้นใน ค.ศ. 1904 ก็ได้ก้าวขึ้นมาอยู่ดิวิชั่น 1 เป็นครั้งแรก

อย่างไรก็ตาม ในทางภูมิศาสตร์นั้นจะเห็นว่า สโมสรแห่งนี้ตั้งอยู่โดดเดี่ยวเกินไป ส่งผลกระทบให้จำนวนผู้ชมมีน้อยกว่า สโมสรอื่นจนกระทั่งทีมต้องประสบกับปัญหา ทางการเงินอย่างหนัก จนนำไปสู่การประกาศขายทีมใน ค.ศ. 1910

โดยมี เฮนรี นอร์ริส นักธุรกิจเข้ามาเทคโอเวอร์สโมสร โดยในช่วงแรกนอร์ริสเคยมีความคิด ที่จะนำอาร์เซนอลรวบทีมกับ สโมสรฟูลัม ซึ่งเขาเป็นเจ้าของทีมอยู่เช่นกัน แต่แนวคิดดังกล่าว ไม่ได้รับการอนุมัติจากสมาคมฟุตบอลอังกฤษ 

ทำให้นอร์ริสต้องหาที่ตั้งแห่งใหม่ ให้กับอาร์เซนอล กระทั่งใน ค.ศ. 1913 หลังจากที่ตกชั้นจากดิวิชั่น 1 ลงสู่ดิวิชั่น 2 นั้น อาร์เซนอลก็ได้ย้ายที่ตั้ง ไปอยู่ในย่านไฮบิวรี่บริเวณลอนดอนเหนือ และเปิดใช้สนามอาร์เซนอลสเตเดียม อย่างเป็นทางการ

ในปีต่อมา สโมสรได้ตัดคำว่า “วูลิช” ออกจากชื่อสโมสรจนเหลือเพียง อาร์เซนอล มาจนถึงปัจจุบัน หลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 และฟุตบอลลีกได้กลับมาแข่งขันอีกครั้ง ลีกดิวิชั่น 1 ก็เพิ่มจำนวนทีมเป็น 22 ทีม

อาร์เซนอลซึ่งได้อันดับ 5 ของดิวิชั่น 2 ในฤดูกาล 1914-15 ได้รับการโหวตเลือกโดยสมาชิกสมาคม ให้กลับขึ้นสู่ดิวิชั่น 1 อีกครั้งในฤดูกาล 1919-20 และพวกเขาไม่เคยตกชั้นอีกเลย นับแต่นั้นเป็นต้นมา แทงบอล

สโมสรฟุตบอลอาร์เซนอล 

ช่วงสงครามโลกของสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอล 

ใน ค.ศ. 1925 อาร์เซนอลได้แต่งตั้งให้ เฮอร์เบิร์ต แชปแมน เป็นผู้จัดการทีม ซึ่งเขาเคยพา ฮัดเดอร์สฟิลด์ทาวน์ คว้าแชมป์ลีกมาแล้ว 2 สมัย ในฤดูกาล 1923-24 และ 1924-25 และแชปแมนถือเป็นคนแรก ที่พาอาร์เซนอลก้าวเข้าสู่ยุค แห่งความสำเร็จในยุคแรก 

เขาจัดการเปลี่ยนระบบการซ้อม และแทคติคใหม่ทั้งหมดพร้อมทั้ง ซื้อนักเตะระดับแนวหน้ามาร่วมทีม เช่น อเล็กซ์ เจมส์ และ คลิฟฟ์ บานติน และยังเป็นผู้ริเริ่มการปรับปรุง ระบบไฟในสนามไฮบิวรี่ ทำให้อาร์เซนอลก้าวสู่ความยิ่งใหญ่

ในวงการฟุตบอลอังกฤษได้ในช่วงทศวรรษที่ 1930 โดยคว้าแชมป์รายการใหญ่ได้เป็นครั้งแรก เริ่มจากการคว้าแชมป์เอฟเอคัพ สมัยแรกได้ฤดูกาล 1929-30 และคว้าแชมป์ดิวิชั่นหนึ่งได้ 2 สมัยในฤดูกาล 1930-31 และ 1932-33

นอกจากนี้ แชปแมนยังเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง การเปลี่ยนชื่อสถานีรถไฟใต้ติน ที่อยู่ในย่านนั้นคือ Gillespie Road เป็นสถานีรถไฟใต้ดิน “อาร์เซนอล” ซึ่งถือเป็นสถานีรถไฟใต้ดินเพียงแห่งเดียวในสหราชอาณาจักร ที่ตั้งชื่อตามสโมสรฟุตบอล

หลังจากสงครามสิ้นสุดลง ทอม วิทเทคเกอร์ ผู้สืบทอดตำแหน่งของ อัลลิสัน ได้เข้ามาคุมทีม อาร์เซนอลจึงกลับมาประสบความสำเร็จได้อีก 2 ครั้ง โดยได้แชมป์ลีก 2 อีกสมัย ในฤดูกาล 1947-48 และ แชมป์เอฟเอคัพ อีก 1 สมัย ในฤดูกาล 1949-50

อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นโชคก็เหมือนจะไม่เข้าข้า งอาร์เซนอลเท่าไรนัก สโมสรไม่สามารถดึงดูดนักเตะชื่อดัง เข้ามาร่วมทีมเหมือนที่ที่เคยทำได้ในช่วงทศวรรษ 1930 โดยในช่วงทศวรรษที่ 1950 และ 1960 นั้น

อาร์เซนอลกลายเป็นเพียงทีมกลางตาราง และไม่สามารถคว้าแชมป์อะไรเพิ่มได้เลย แม้แต่บิลลี ไรท์ อดีตกัปตันทีมชาติอังกฤษ ที่ผันตัวเองมาเป็นผู้จัดการทีมนั้น ก็ไม่สามารถนำความสำเร็จ มาสู่สโมสรได้เลยในช่วงปี 1962-66

การประสบความสำเร็จมากที่สุดของ สโมสรฟุตบอลอาร์เซนอลในยุคของ อาร์แซน แวงเกอร์ 

ในยุคของ อาร์แซน แวงเกอร์ (ค.ศ. 1996-2018) โดยพาทีมชนะเลิศการแข่งขันในประเทศได้ 17 รายการ รวมทั้งเป็นผู้จัดการทีม ในชุดที่ชนะเลิศพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2003-04 ซึ่งพวกเขาไม่แพ้ทีมใดเลยตลอด 38 นัด

โดยถือเป็นทีมที่ 2 ที่จบการแข่งขันฤดูกาล ในลีกสูงสุดของอังกฤษโดยไม่แพ้ทีมใด ตลอดทั้งฤดูกาล และเป็นทีมเดียวที่ทำสถิติดังกล่าวได้ยุคพรีเมียร์ลีก ในช่วงเวลานั้น สโมสรยังทำสถิติไม่แพ้ในลีก ติดต่อกันนานที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอล อังกฤษจำนวน 49 นัด (ค.ศ. 2003-04) และผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ครั้งแรกใน ค.ศ. 2006

สโมสรฟุตบอลอาร์เซนอลกับทีมคู่ปรับร่วมเมือง 

อาร์เซนอล มีทีมคู่ปรับร่วมเมืองในลอนดอนเหนือ คือ ทอตนัมฮอตสเปอร์ ที่เรียกการแข่งขันว่า ดาร์บีลอนดอนเหนือ อาร์เซนอลเป็นสโมสรฟุตบอลที่มีมูลค่ามากเป็นอันดับ 4 ของโลก ใน ค.ศ. 2012

โดยมีมูลค่า 1.3 พันล้านเหรียญดอลลาร์ และยังเป็นหนึ่งในสโมสร ที่มีผู้ติดตามมากที่สุดในโลก สโมสรมีคำขวัญทางการคือ “Victory Through Harmony” ซึ่งแปลว่า “ชัยชนะจากความเป็นหนึ่ง” สโมสรปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง

ตาราง-12-05-64-v