สโมสรฟุตบอลนาโปลี เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพ ในประเทศอิตาลี จากเมืองเนเปิลส์ แคว้นคัมปาเนีย

สโมสรฟุตบอลนาโปลี วันนี้จะพามารู้จักอีกหนึ่งสโมสรดัง ในประเทศอิตาลี หรือ โซชีเอตาสปอร์ตีวากัลโชนาโปลี

สโมสรฟุตบอลนาโปลี เป็นสโมสรฟุตบอลในประเทศ อิตาลี จากเมืองเนเปิลส์ แคว้นคัมปาเนีย ปัจจุบันเล่นอยู่ใน เซเรียอา ลีกสูงสุดของฟุตบอลอิตาลี สโมสรมีเกียรติประวัติ คือ ชนะเลิศลีกสูงสุด 2 สมัย, โกปปาอีตาเลีย 6 สมัย, ซูแปร์โกปปาอีตาเลียนา 2 สมัย และ ยูฟ่าคัพ 1 สมัย

นาโปลีเป็นสโมสรที่มี ผู้เข้าชมในสนามมากเป็นอันดับ 4 ในอิตาลี และมีรายรับมากเป็นอันดับ 5 ในเซเรียอา ด้วยจำนวนเงิน 182 ล้านดอลลาร์ ในฤดูกาล 2017–18 และถือเป็นสโมสรอิตาลี ที่มีมูลค่าทีมมากที่สุดเป็นอันดับ 5 ในฤดูกาล 2018 ด้วยมูลค่า 379 ล้านดอลลาร์

นาโปลียังเป็นสมาชิกของ สมาคมสโมสรยุโรป สโมสรใช้สนาม สตาดีโอซันปาโอโล เป็นสนามเหย้ามาตั้งแต่ ค.ศ. 1959 ซึ่งได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็น สนามกีฬาดิเอโก อาร์มันโด มาราโดนา ใน ค.ศ. 2020 เพื่อเป็นเกียรติแก่ตำนานผู้ล่วงลับ นาโปลีมักสวมชุดแข่งขัน ทีมเหย้าด้วยเสื้อสีฟ้า

และกางเกงสีขาวและใช้เสื้อสีขาว พร้อมกางเกงสีขาวหรือสีฟ้า ในชุดทีมเยือน สโมสรเป็นคู่อริกับ โรมา, ยูเวนตุส และปาแลร์โม เพลงประจำสโมสรคือ โอซูร์ดาโตนัมมูราโต ซึ่งเป็นหนึ่งในเพลง ที่มีชื่อเสียงที่สุดในกลุ่มผู้ใช้ภาษา เนเปิลส์ ดูซีรี่ย์

สโมสรฟุตบอลนาโปลี

มาดูถึงประวัติของ สโมสรฟุตบอลนาโปลี ว่ามีความเป็นมาอย่างไร? ไปดูพร้อมๆกันเลย

สโมสรฟุตบอลแห่งแรก ที่เป็นตัวแทนของชาวเนเปิลส์นั้น มีประวัติสืบไปถึง ค.ศ. 1905 โดยก่อตั้งในชื่อ “สโมสรฟุตบอลและคริกเกตเนเปิลส์ (Naples Foot-Ball & Cricket Club)” โดยกะลาสีชาวอังกฤษนามว่า วิลเลียม พ็อตส์ และชาวเมืองเนเปิลส์หลายราย ยังมีบทบาทสำคัญ ในการร่วมก่อตั้งสโมสร

รวมถึง อาร์เมดีโอ ซาลซี ซึ่งกลายเป็นประธานสโมสรคนแรก สโมสรใช้เสื้อสีฟ้าและกางเกงสีดำ เป็นสีหลักของชุดแข่ง การแข่งขันนัดแรกของสโมสร คือการเอาชนะทีม กะลาสีชาวอังกฤษด้วยผลประตู 3–2 ในยุคแรกมีกฏระเบียบว่า สโมสรทางตอนเหนือของอิตาลีเท่านั้น

ที่จะมีสิทธิร่วมแข่งขัน ฟุตบอลลีกสูงสุด เป็นผลให้สโมสรทางใต้ทำได้เพียง ลงแข่งกันกับทีมกะลาสีเท่านั้น รวมถึงลงแข่งขันในรายการ การกุศลอย่าง ลิปตัน ชาร์เลนจ์ คัพ ซึ่งสโมสรเนเปิลส์สามารถเอาชนะ ปาแลร์โม ในรอบชิงชนะเลิศได้ 3 ครั้ง ในเวลาต่อมา ผู้เล่นต่างชาติจำนวนหนึ่ง

ได้ออกจากสโมสรเพื่อไป ก่อตั้งสโมสรฟุตบอลแห่งใหม่ในชื่อ อินแตร์นาซีโอนาเล นาโปลี และทั้งสองสโมสรได้ร่วมแข่งขัน ฟุตบอลลีกครั้งแรกในฤดูกาล 1912–13 ซึ่งเป็นปีแรก ที่สมาคมเปิดโอกาสให้สโมสร จากทางใต้ร่วมแข่งขัน และแม้สองสโมสรจะมีความเป็นอริต่อกัน

ทว่าจากการประสบปัญหาการเงิน ในต้นทศวรรษ 1920 นำไปสู่การควบรวมกิจการ ของสองสโมสรและได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “สโมสรฟุตบอลอินแตร์นาซีโอนาเล –เนเปิลส์ (Foot-Ball Club Internazionale-Naples)” ตัวย่อคือ FBC Internaples ภายใต้การบริหารทีมของ ประธานสโมสรอย่าง จอร์โจ อัสกาเรลลี

สโมสรทำการเปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น อัสโซเซียซิโอเน กัลโช นาโปลี ในวันที่ 25 สิงหาคม ค.ศ. 1926 ซึ่งได้รับการรับรองโดย สหพันธ์ฟุตบอลอิตาลี ตามด้วยการมาถึงของ ผู้เล่นตัวหลักอย่าง แอตทิลา ซัลลุสโตร กองหน้าชาวอิตาลี–ปารากวัย ซึ่งกลายเป็นขวัญใจแฟนฟุตบอล

ซัลลุสโตร ถือครองสถิติเป็นผู้ทำประตูสูงสุด ของสโมสรมาอีกยาวนานหลายทศวรรษ ก่อนที่สถิติจะถูกทำลายโดย ดิเอโก มาราโดนา และ มาเร็ก ฮัมชีก ตามลำดับ สโมสรเริ่มเข้าสู่ยุค เซเรียอา ภายใต้การคุมทีมของ วิลเลียม การ์บัตต์ อดีตนักฟุตบอลชาวอังกฤษ

ซึ่งพาทีมพัฒนาผลงาน อย่างต่อเนื่องจนสามารถก้าวขึ้นไป จบอันดับครึ่งบนของตาราง ในระยะเวลาไม่กี่ปีและยัง ทำผลงานยอดเยี่ยมต่อเนื่องด้วย การจบอันดับสามอีกสองครั้งใน ค.ศ. 1933 และ 1934 ด้วยผู้เล่นแกนหลักอย่าง อันโตนีโอ โวจัก, อาร์นัลโด เซนตีเมนตี และ การ์โล บุสกาลยา

ก่อนที่สโมสรจะตกต่ำลง ในช่วงก่อนเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่สอง โดยรอดพ้นการตกชั้นในฤดูกาล 1939–40 ด้วยจำนวนผลต่างประตูได้เสีย อย่างไรก็ตาม นาโปลีได้รับผลกระทบ จากสงครามเช่นเดียวกับหลายสโมสร ในอิตาลีนำไปสู่การตกชั้นสู่เซเรียบี เมื่อสิ้นสุดฤดูกาล 1942 และย้ายไปเล่นที่สตาดีโอ อาร์ตูโร โคลานา และเล่นในเซเรียบี จนกระทั่งสิ้นสุดสงคราม บาคาร่าขั้นต่ำ10บาท

สโมสรฟุตบอลนาโปลี

การมาถึงสโมสรฟุตบอลนาโปลี ของผู้เล่นชื่อดังอย่าง ดิเอโก มาราโดนา

การมาถึงของผู้เล่นชื่อดังอย่าง ดิเอโก มาราโดนา เปลี่ยนแปลงหน้าประวัติศาสตร์ ของนาโปลีไปตลอดกาล เขาย้ายมาจากบาร์เซโลนา ด้วยค่าตัว 12 ล้านยูโร ซึ่งเป็นสถิติโลกในขณะนั้น ทีมมีการเปลี่ยนแปลงผู้เล่นอีกหลายราย ด้วยการมาถึงของ ซิโร เฟอร์รารา, ซัลวาโตเร บัญนี รวมถึง เฟร์นันโด เด นาโปลี

นาโปลีจบอันดับสาม อีกครั้งในฤดูกาล 1985 ก่อนจะสร้างประวัติศาสตร์ ในฤดูกาล 1986–87 ด้วยการคว้าแชมป์สองถ้วยรางวัล ทั้งในเซเรียอา และ โกปปาอิตาเลีย โดยเอาชนะ อตาลันตา ในรอบชิงชนะเลิศ โกปปาอิตาเลีย ด้วยผลประตู 4–0 มาราโดนา ได้รับการยกย่องให้เป็นตำนาน ในระยะเวลาอันรวดเร็ว

อันเนื่องมาจากไม่เคยมีสโมสร ในภูมิภาคทางใต้ชนะเลิศ การแข่งขันลีกสูงสุดมาก่อน ความสำเร็จครั้งนี้จึงเป็นที่ภาคภูมิใจ ของชาวเนเปิลส์และแฟนฟุตบอล ที่อยู่ทางใต้เป็นจำนวนมาก มาราโดนา ถูกยกให้เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ ของชาวเมืองเนเปิลส์ อย่างไรก็ตาม สโมสรไม่สามารถป้องกันแชมป์ ได้ในปีต่อมา

ทำได้เพียงรองชนะเลิศ และไม่ประสบความสำเร็จในการ แข่งขันยูโรเปียนคัพ แต่ยังได้สิทธิ์แข่งขันยูฟ่าคัพในฤดูกาล 1988–89 และคว้าแชมป์ได้ ซึ่งถือเป็นแชมป์รายการยุโรป รายการเดียวของพวกเขาถึงปัจจุบัน ในเส้นทางแต่ละรอบนั้น พวกเขาเอาชนะทีมใหญ่อย่างยูเวนตุส และ ไบเอิร์นมิวนิก

รวมถึง สโมสรปาโอกจากกรีซ ก่อนจะเอาชนะสโมสรเยอรมนีอย่าง เฟาเอ็ฟเบ ชตุทการ์ท ด้วยผลประตู 5–4 นาโปลีคว้าแชมป์เซเรียอา สมัยที่สองในฤดูกาล 1989–90 ด้วยการมีคะแนนเหนือ เอซี มิลาน สองคะแนน ในปีนั้น มาราโดนา ยังได้รับเสียงวิจารณ์จากการ ออกมาเรียกร้องให้แฟนฟุตบอล เมืองเนเปิลส์

รวมถึงเมืองอื่นๆ ทางตอนใต้ สนับสนุนทีมชาติอาร์เจนตินา ในนัดที่พบกับทีมชาติอิตาลี ในฟุตบอลโลก 1990 จากความเหลื่อมล้ำทางสังคม ที่ชาวอิตาลีและผู้พลัดถิ่นทางตอนใต้ ได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม มาหลายศตวรรษเหตุการณ์ดังกล่าว มีประวัติศาสตร์ยาวนานซึ่งสามารถ สืบไปถึงช่วงการรวมชาติอิตาลี

กับการเลื่อนชั้นกลับสู่ เซเรียอา ใน ค.ศ. 1999

นาโปลี เลื่อนชั้นกลับสู่เซเรียอาใน ค.ศ. 1999 แต่ก็ตกชั้นกลับไปอีกครั้ง ในเวลาหนึ่งฤดูกาล ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2004 สโมสรประกาศภาวะล้มละลาย เป็นเหตุพิจารณาให้ผู้อำนวยการ สร้างภาพยนตร์อย่าง อูเรริโอ ดิ ลูเรนทิอัส เข้าควบคุมกิจการสโมสร

และนาโปลีถูกบังคับให้เปลี่ยน ชื่ออีกครั้งเพือให้สามารถกลับมา ดำเนินธุรกิจได้ ดิ ลูเรนทิอัส จึงพิจารณาเปลี่ยนชื่อทีมอีกครั้ง กลายเป็น Napoli Soccer และจากการล้มละลายดังกล่าว ส่งผลให้นาโปลีต้องถูกลดชั้นไป เล่นในลีกระดับสามอย่าง เซเรียซี และเกือบจะเลื่อนชั้นสู่เซเรียบีได้ทันที

ทว่าพวกเขาแพ้ต่อ อเวลลิโน 1992 ในรอบเพลย์ออฟด้วยผลประตู 1–2 ในรอบเพลย์ออฟฤดูกาล 2004–05 และแม้จะตกอับอยู่ในลีกระดับล่าง แต่นาโปลียังมีสถิติในการมีผู้ชม ในสนามมากว่าสโมสรอื่นในลีกสูงสุด และทำลายสถิติผู้ชมในเซเรียซี ด้วยจำนวนเฉลี่ย 51,000 รายต่อนัด

ในฤดูกาลต่อมา นาโปลี สามารถเลื่อนชั้นสู่เซเรียบีได้ และ ลูเรนทิอัส ทำการเปลี่ยนชื่อสโมสรอีกครั้งว่า โซชีเอตาสปอร์ตีวากัลโชนาโปลี (Società Sportiva Calcio Napoli) ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2006 และเป็นชื่อที่ใช้มาถึงปัจจุบัน ลงเล่นในเซเรียบีได้เพียงฤดูกาลเดียว

พวกเขาก็เลื่อนชั้นกลับสู่ ลีกสูงสุดได้อีกครั้ง พร้อมกับสโมสรใหญ่ที่เปรียบเสมือน “ยักษ์หลับ” ในทศวรรษนั้นอย่าง สโมสรเจนัว ใน ค.ศ. 2010 นาโปลี จบอันดับหก ภายใต้ผู้จัดการทีม วอลเตอร์ มาซซาร์รี ได้ร่วมแข่งขันยูโรปาลีก ตามด้วยการจบในอันดับสามในฤดูกาลต่อมา ได้ลงแข่งขัน ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2011–12 ในรอบแบ่งกลุ่ม วิฟ แอนเดอร์สัน

ตาราง-12-05-64-v