สโมสรกีฬาลัตซีโย ตั้งอยู่ในกรุงโรม ประเทศอิตาลี โดยมีชื่อเสียงในด้านสโมสรฟุตบอล ปัจจุบันเล่นอยู่ในเซเรียอา

สโมสรกีฬาลัตซีโย วันนี้จะพามารู้จักอีกหนึ่ง สโมสรฟุตบอลอาชีพ หรือ ลาซีโอ อินทรีฟ้า-ขาว เล่นอยู่ในเซเรียอา ลีกสูงสุดของประเทศ อิตาลี

สโมสรกีฬาลัตซีโย หรือรู้จักกันในนาม ลัตซีโย หรือ ลาซีโอ เป็นสโมสรกีฬาที่มีชื่อเสียง ของประเทศอิตาลี ตั้งอยู่ในกรุงโรม โดยมีชื่อเสียงในด้าน สโมสรฟุตบอลซึ่งปัจจุบันเล่นอยู่ใน เซเรียอา ลีกสูงสุดของประเทศ ก่อตั้งขึ้นใน ค.ศ. 1900 ลัตซีโย ชนะเลิศลีกสูงสุดสองสมัย, โกปปาอิตาเลีย 7 สมัย, ซูเปอร์โกปปาอิตาเลีย 3 สมัย

รวมทั้งยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ และยูฟ่าซูเปอร์คัพ รายการละหนึ่งสมัย สโมสรประสบความสำเร็จ ครั้งแรกใน ค.ศ. 1958 โดยคว้าแชมป์โกปปาอิตาเลีย ต่อมาใน ค.ศ. 1974 พวกเขาคว้าแชมป์เซเรียอาเป็นครั้งแรก และในทศวรรษ 1990 เป็นช่วงเวลา ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด โดยเข้าชิงชนะเลิศยูฟ่าคัพใน ค.ศ. 1998

ก่อนจะคว้าแชมป์ ยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ และยูฟ่าซูเปอร์คัพใน ค.ศ. 1999 และคว้าแชมป์เซเรียอา อีกครั้งใน ค.ศ. 2000 ก่อนที่สโมสร จะประสบปัญหาการเงินใน ค.ศ. 2002 ส่งผลให้ประธานสโมสร เซอร์จิโอ ครากนอตติ ผู้นำสโมสรเข้าสู่ยุคแห่งความรุ่งเรือง ต้องลาออกและทีมได้ขายนักเตะ ชื่อดังหลายคน

ทำให้ความสำเร็จของลัตซีโยลดลง แต่สโมสรยังเล่นในลีกสูงสุด ได้อย่างมั่นคงและชนะเลิศ โกปปาอิตาเลียเพิ่มอีก 4 สมัย ประธานสโมสรคนปัจจุบันคือ เกลาดีโอ โลติโต ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ ค.ศ. 2004 โหลดเกมส์

สโมสรกีฬาลัตซีโย

จะพามาดูถึงประวัติของ สโมสรกีฬาลัตซีโย ว่ามีความเป็นมาอย่างไรบ้าง มาดูไปพร้อมๆกันเลย

สโมสรกีฬาลัตซีโย (Società Podistica Lazio) ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 9 มกราคม ค.ศ. 1900 ในเขตปราตีของกรุงโรม จนถึงปี 1910 สโมสรเล่นในระดับสมัครเล่น จนได้เข้าร่วมการแข่งขันลีก อย่างเป็นทางการใน ค.ศ. 1912 เมื่อสหพันธ์ฟุตบอลอิตาลี เริ่มจัดการแข่งขันชิงแชมป์ ทางภาคกลางและตอนใต้ของอิตาลี

และเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ถึงสามครั้งแต่ไม่เคยคว้าแชมป์ โดยแพ้ให้กับ โปรแวร์เชลลี1892 ในปี 1913, คาซาเล่ กัลโช่ ในปี 1914 และเจนัวในปี 1923 ใน ค.ศ. 1927 ลัตซีโย เป็นสโมสรเดียวในกรุงโรม ที่ต่อต้านความพยายามของ รัฐบาลฟาสซิสต์ ที่จะรวมทีมทั้งหมดของเมืองเข้าเป็น เอ.เอส. โรมา

สโมสรเล่นในเซเรียอา ลีกสูงสุดครั้งแรกในปี 1929 นำโดย ซิลวิโอ ปิโอล่า กองหน้าชาวอิตาลีในตำนาน โดยจบอันดับที่สองในปี 1937 ซึ่งเป็นผลงานที่ดีที่สุด ก่อนเข้าสู่ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ถัดมาเข้าสู่ทศวรรษ 1950 ลัตซีโย มีผลงานที่ไม่สม่ำเสมอนัก โดยแม้จะทำอันดับได้ดีในบางปี

แต่ก็มักจะอยู่ในอันดับกลางตาราง ในช่วงหลังแต่ชนะเลิศโกปปาอิตาเลีย ในปี 1961 ก่อนจะตกชั้นเป็นครั้งแรกไปเล่นใน เซเรียบี แต่ก็กลับมาสู่ลีกสูงสุดในอีกสองปีต่อมา แต่ก็กลายเป็นทีมกลางตารางเ ป็นส่วนมากและตกชั้นอีกครั้ง ในฤดูกาล 1970–71

ก่อนจะกลับสู่ที่เซเรียอา ในฤดูกาล 1972–1973 และลัตซีโยได้มีการพัฒนาทีมที่ดีขึ้น และกลายเป็นผู้ท้าชิงแชมป์ลีกกับ เอซีมิลาน และยูเวนตุสในฤดูกาลนั้น โดยทีมชุดนั้นประกอบด้วย กัปตันทีม จูเซปเป วิลสัน และกองกลางอย่าง ลูเซียโน เร เชโคนี และ มารีโอ ฟรุสตาลูปี กองหน้า จอร์โจ ชินาเกลีย

และผู้ฝึกสอน ทอมมาโซ แม็สเทรลลี ลัตซีโยสานต่อสำเร็จได้ ในฤดูกาลต่อมาโดย คว้าแชมป์เซเรียอาสมัยแรก ในฤดูกาล 1973–74 อย่างไรก็ตาม การเสียชีวิตอย่างกะทันหันของ เชโคนี และผู้ฝึกสอนอย่างแม็สเทรลลี

รวมถึงการลาทีมของ จอร์โจ ชินาเกลีย ทำให้สโมสรกลับไปตกต่ำอีกครั้ง ก่อนที่จะเข้าสู่ยุคของ บรูโน จอร์ดาโน กองหน้าคนสำคัญซึ่งเป็น ดาวซัลโวของลีกในปี 1979 โดยลัตซีโยจบอันดับ 8 บาคาร่าขั้นต่ำ10บาท

สโมสรกีฬาลัตซีโย

การถูกปรับตกชั้นของสโมสรกีฬาลัตซีโย สู่เซเรียบี พร้อมกับเอซีมิลานในปี 1980

ลัตซีโยถูกปรับตกชั้นสู่ เซเรียบี พร้อมกับเอซีมิลานในปี 1980 เนื่องจากเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการ ล็อกผลการแข่งขัน พวกเขาอยู่ในเซเรียบีเป็นเวลา สามฤดูกาลซึ่งถือได้ว่า เป็นช่วงเวลาที่มืดมนที่สุด ในประวัติศาสตร์ก่อนจะกลับมา เซเรียอาในปี 1983

ถัดมาในฤดูกาล 1984–85 สโมสรต้องตกชั้นอีกครั้ง โดยทำได้เพียง 15 คะแนน และในปี 1986 ลัตซีโยโดนหัก 9 แต้ม จากเรื่องอื้อฉาวในการล็อกผลการแข่งขัน อีกครั้งโดย เกลาดีโอ วีนาซซานี และต้องดิ้นรนหนีการตกชั้นสู่เซเรียซี แต่สามารถเอาตัวรอดได้โดยเอาชนะ ทารานโต

และกัมโบบาสโซในรอบเพลย์ออฟ และกลับสู่ลีกสูงสุดอีกครั้งในฤดูกาล 1988 การเข้ามาบริหารทีมโดย เซอร์จิโอ ครากนอตติ นักธุรกิจชื่อดังในปี 1992 เปลี่ยนประวัติศาสตร์ ของสโมสรไปโดยสิ้นเชิง เนื่องจากการมีลงทุนระยะยาว ในการนำเข้าผู้เล่นใหม่

และลัตซีโยยกระดับทีมขึ้นไปเป็น ผู้ท้าชิงแชมป์อีกครั้ง การซื้อตัวที่โดดเด่นระหว่างที่ ครากนอตติ ดำรงตำแหน่งคือ พอล แกสคอยน์ กองกลางชาวอังกฤษจากทอตนัมฮอตสเปอร์ 5.5 ล้านปอนด์ และการย้ายทีมครั้งนั้น ส่งผลให้กระแสความนิยมฟุตบอลอิตาลี เพิ่มมากขึ้นในสหราชอาราจักร

ลัตซีโยยังลงทุนต่อเนื่องด้วย การดึงตัว ฮวน เซบาสเตียน เวรอน กองกลางชื่อดังชาวอาร์เจนตินา ในราคา 18 ล้านปอนด์ ตามด้วย กริสเตียน วีเอรี ราคา 19 ล้านปอนด์ และทำลายสถิติโลกในการซื้อตัวผู้เล่น ในขณะนั้นด้วยการซื่อ เอร์นัน เกรสโป จากปาร์มา ในราคา 35 ล้านปอนด์

ชุดแข่งขันและตราสโมสร

ชุดแข่งขันของลัตซีโย คือเสื้อเชิ้ตสีฟ้าและกางเกงขาสั้น และถุงเท้าสีขาว ได้แรงบันดาลใจมาจาก ตราแผ่นดินของกรีซ สนามเหย้าของสโมสรคือ สตาดีโอโอลิมปีโก ความจุกว่า 70,000 ที่นั่ง ซึ่งพวกเขาใช้สนามร่วมกันกับโรมา สโมสรคู่ปรับสำคัญ

โดยการแข่งขันระหว่าง ทั้งสองทีมเรียกว่า แดร์บีเดลลากาปีตาเล (Derby della Capitale) ซึ่งมีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่ ค.ศ. 1929 และได้รับการยอมรับว่า เป็นหนึ่งในการแข่งขันที่ดุเดือดที่สุด ในวงการฟุตบอลยุโรป

ตราสโมสรและสัญลักษณ์ ดั้งเดิมของลาซิโอคือนกอินทรี ซึ่งคิดค้นโดย ลุยจิ บิเกียเรลลี่ หนึ่งในผู้ก่อตั้งสโมสร ซึ่งสื่อถึงสัญลักษณ์ของซูส เทพเจ้าแห่งท้องฟ้า และสายฟ้าในเทพนิยายกรีก

สัญลักษณ์ของลาซิโอ จึงเป็นที่มาของฉายาสโมสร (le Aquile และ Aquilotti) ซึ่งหมายถึงนกอินทรี ตราสโมสรปัจจุบันคือ รูปนกอินทรีสีทอง อยู่เหนือโล่สีขาวและขอบสีฟ้า และมีชื่อสโมรอยู่ในโล่ อินเตอร์นาซีโอนาเล

สโมสรกีฬาลัตซีโยกับ การทำผลงานได้ยอดเยี่ยม

ลัตซีโย ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม ด้วยผู้เล่นดาวดังหลายคน โดยเป็นรองแชมป์เซเรียอา ในปี 1995 อันดับสามในปี 1996 และอันดับสี่ในปี 1997 และได้รองแชมป์อีกครั้งในปี 1999 โดยแพ้เอซีมิลาน เพียงแค่คะแนนเดียว

ก่อนที่ผู้เล่นแกนหลัก เช่น ซินิซา มิไฮโลวิช, อเลสซานโดร เนสตา, มาร์เซโล ซาลาส และ ปาเวล เนดเวต จะนำทีมได้แชมป์ลีกครั้งที่สอง ในปี 2000 รวมถึงแชมป์โกปปาอิตาเลีย อีกสองสมัย ภายใต้การคุมทีมของ สเวน-เยอราน เอริกซอน

ลัตซีโยคว้าแชมป์โกปปาอิตาเลีย ได้อีกสองครั้งในปี 1998 และ 2004 รวมถึงยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ ปี 1999 พวกเขายังเข้าชิงชนะเลิศยูฟ่าคัพปี 1998 แต่แพ้อินเตอร์มิลาน 0–3 นอกจากนี้ ลัตซีโยยังคว้าแชมป์ ซูเปอร์โกปปาอิตาเลียนา สองครั้ง

และเอาชนะ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ในปี 1999 คว้าแชมป์ยูฟ่าซูเปอร์คัพได้ ในปี 2000 ลัตซีโย กลายเป็นสโมสรฟุตบอลอิตาลี ทีมแรกที่เสนอราคาในตลาดหุ้น อิตาลี Piazza Affari

ตาราง-12-05-64-v