ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ อดีตนักฟุตบอลทีม ลิเวอร์พูล ผู้ทำประตูสูงสุดเป็นอันดับ 6 ในประวัติศาสตร์ของ พรีเมียร์ลีก

ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ วันนี้จะพามาทำความรู้จัก อดีตนักฟุตบอลทีม ลิเวอร์พูล และผู้จัดการทีมชาวอังกฤษ

ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ รอเบิร์ต เบอร์นาร์ด ฟาวเลอร์ (อังกฤษ: Robert Bernard Fowler; เกิด 9 เมษายน ค.ศ. 1975) เป็นอดีตนักฟุตบอลและผู้จัดการทีม ชาวอังกฤษ ปัจจุบันเป็นผู้จัดการทีม อีสต์เบงกอล ในไอ-ลีก ของประเทศอินเดีย

ฟาวเลอร์ เป็นที่จดจำเมื่อครั้งเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล ใน 2 ช่วงเวลาและเขายังเป็น ผู้ทำประตูสูงสุดเป็นอันดับ 6 ในประวัติศาสตร์ของ พรีเมียร์ลีก ฟาวเลอร์ ยิงประตูรวม 183 ประตูให้กับ ลิเวอร์พูล โดย 128 ประตูใน พรีเมียร์ลีก สำหรับลิเวอร์พูล (162 ประตูรวมกับทุกสโมสร)

ต่อมาเขาย้ายทีมไปเล่นให้กับ ลีดส์ยูไนเต็ด และ แมนเชสเตอร์ซิตี ก่อนจะกลับมายังลิเวอร์พูลอีกครั้ง ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2006 หลังจากนั้น 18 เดือน เขาเกือบจะได้เซ็นสัญญา กับสโมสรฟุตบอลคาร์ดิฟฟ์ซิตี เขาปฏิเสธการเซ็นสัญญา 1 ปี

เนื่องจากเป็นสัญญาแบบจ่ายเมื่อเล่น และได้เซ็นสัญญากับสโมสรฟุตบอล แบล็กเบิร์นโรเวอร์ส เป็นเวลา 3 เดือน กับสัญญาจ่ายเมื่อเล่น ต่อมาในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2008 เขาออกจากทีมแบล็กเบิร์น และเดินหน้าไปเล่นฟุตบอลอาชีพ กับฟุตบอลออสเตรเลีย สำหรับการลงเล่นในฐานะนักฟุตบอล ทีมชาติอังกฤษ เขาลงแข่ง 26 นัด ยิงประตูได้ 7 ประตู โหลดเกมส์

ร็อบบี้ ฟาวเลอร์

มาดูถึงประวัติของ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ว่ามีความเป็นมาอย่างไรบ้าง ไปดูพร้อมกัน

ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ เริ่มต้นเล่นให้กับทีมเยวชนของ ลิเวอร์พูล ในปี 1991 ก่อนจะเซ็นสัญญาอาชีพในวันที่ 9 เมษายน 1992 เมื่ออายุครบ 17 ปี จากนั้น ฟาวเลอร์ ลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของ ลิเวอร์พูล ครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 มกราคม 1993

ในฐานะตัวสำรองในรายการ เอฟเอ คัพ ที่พบกับซึ่งพบกับ โบลตัน โดยในปีนั้น ฟาวเลอร์ ช่วยให้ทีมชาติอังกฤษชุด ยู-18 คว้าแชมป์ ยู-18 ยูฟ่า แชมเปียนชิพ ได้อีกด้วย โดยเจ้าตัวทำประตูแรกให้กับ ลิเวอร์พูล ได้ในเกมที่พบกับ ฟูแล่ม ในลีก คัพ รอบแรกซึ่ง ลิเวอร์พูลชนะไป 3-1

เมื่อวันที่ 22 กันยายน 1993 เด็กหนุ่มเท้าซ้าย กดคนเดียว 5 ตุง ในเกมกับ “เจ้าสัวน้อย” เลกสอง ที่แอนฟิลด์ และกลายเป็นนักเตะคนที่ 4 ในประวัติศาสตร์สโมสรลิเวอร์พูล ที่ยิง 5 ประตูในนัดเดียว ถัดมา ฟาวเลอร์ ทำแฮตทริกแรกในการลงเล่นให้ ลิเวอร์พูล ได้ในเกมที่พบกับเซาแธมป์ตัน

ซึ่งต่อมาเค้าถูกเรียกตัวใ ห้ไปติดทีมชาติอังกฤษชุด ยู-21 ในเกมที่พบกับซาน มาริโน ในเดือนพฤศจิกายน 1993 โดยเค้าสามารถทำประตู ได้ในเวลาเพียง 3 นาที ในฤดูกาล 1994/95 ฟาวเลอร์ ได้ลงเล่นถึง 57 เกมและมีส่วนที่ทำให้ ลิเวอร์พลู คว้าแชมป์ลีก คัพมาครองได้อย่างยิ่งใหญ่

โดยในฤดูกาลนี้ ฟาวเลอร์ สามารถสร้างสถิติให้กับตัวเอง ด้วยการเป็นนักเตะที่ทำแฮตทริก ได้เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของ พรีเมียร์ ลีก เมื่อเค้าใช้เวลาเพียง 4 นาที 33 วินาที ในการยิง 3 ประตู ในเกมที่พบกับอาร์เซน่อล

และในปีนั้น ฟาวเลอร์ ก็ได้รับรางวัล นักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมของ PFA (ฟาวเลอร์ได้รางวัลนี้ 2 ครั้งในปี 1995 และ 1996) ในปี 1997 ลิเวอร์พูลซื้อสแตน คอลลีมอร์จาก น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ด้วยค่าตัว 8.5 ล้านปอนด์

เพื่อให้มาเป็นคู่ขาในแดนหน้าคนใหม่ของ ฟาวเลอร์ และทั้งคู่ก็สร้างผลงานได้ดี และแน่นอนในฤดูกาลนี้ มีเกมสุดมันส์ที่จะอยู่ในความทรงจำของ ฟาวเลอร์ แน่นอน เกมที่ชนะนิวคาสเซิล 4-3 เป็นอีกหนึ่งเกมที่ ลิเวอร์พูล เล่นกันได้ดี โดย ฟาวเลอร์และคอลลีมอร์ ทำได้คนละ 2 ประตู ทางเข้าufabet

ร็อบบี้ ฟาวเลอร์

กับยุคที่ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ อยู่ในกลุ่มที่ถูกขนานนามว่า “สไปซ์ บอย”

ในยุคดังกล่าว ฟาวเลอร์ อยู่ในกลุ่มที่ถูกขนานนามว่า “สไปซ์ บอย” โดยมีที่มามาจากวงดนตรี “สไปซ์ เกิร์ล” โดยในกลุ่มประกอบด้วยนักเตะ 5 คน คือ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์, เดวิด เจมส์, เจมี เรดแนปป์, สตีฟ แม็คมานามาน และสแตน คอลลีมอร์

ฟาวเลอร์ เริ่มฟอร์มตกเพราะอาการบาดเจ็บ เรื้อรังในปี 1998 และการก้าวขึ้นมาของ ไมเคิ่ล โอเว่น ในช่วงปี 1997 ก็ทำให้โอกาสของฟาวเลอร์ ในถิ่นแอนฟิลด์ก็เริ่มค่อยๆไม่ชัดเจน ฤดูกาล 2000/01 ฟาวเลอร์ ทำประตูได้ 17 ประตูจากการลงเล่น 48 เกม

โดยในฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูล คว้าทริปเปิลแชมป์บอลถ้วย คือ ลีก คัพ, เอฟเอ คัพ และ ยูฟ่า คัพ มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ และจากการบาดเจ็บหนักของ เจมี เรดแนปป์ กัปตันทีมตัวจริง ทำให้ ฟาวเลอร์ ได้รับบทบาทในการเป็นกัปตันทีม ของลิเวอร์พูล

แต่การเข้ามาคุมทีมของ เชรา อุลลิเยร์ ทำให้โอกาสของ ฟาวเลอร์ ในการลงสนามน้อยเกินไป เนื่องจากผู้จัดการชาวฝรั่งเศส เลือกที่จะใช้กองหน้าอย่าง ไมเคิ่ล โอเว่น และเอมิล เฮสกีย์มากกว่า ทำให้ปลอกแขนกัปตันทีม ตกไปอยู่ที่ซามี ฮูเปียซะเป็นส่วนใหญ่

ฟาวเลอร์ เป็นกัปตันทีมในเกมที่พบกับ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ในปี 2001 ในรอบชิงชนะเลิศลีก คัพ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ ลิเวอร์พูล ได้เข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วยอีกครั้ง หลังจาก ลิเวอร์พูล เข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วย ครั้งสุดท้ายเมื่อปี 1996

ในรายการเอฟเอ คัพ โดยในเกมนี้ ฟาวเลอร์ สามารถยิงประตูสุดสวยให้ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 1-0 (ก่อนที่ลิเวอร์พูลจะชนะจุดโทษ) และได้รับรางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ไปครองอีก 1 รางวัล ริคาร์โด กาก้า

ปี 2001 ในรอบชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ

ในปี 2001 ในรอบชิงเอฟเอ คัพ ฟาวเลอร์ ไม่ได้ถูกส่งลงสนามเป็นตัวจริง ในการพบกับ อาร์เซน่อล แต่เจ้าตัวถูกเปลี่ยนลงไปใน บทบาทตัวสำรองนาทีที่ 77 แทนที่ วลาดิเมียร์ ซมิเซอร์ ในขณะที่ทีมตามอยู่ 0-1 ก่อนที่จะจบเกมด้วยการพลิกกลับมา ชนะ 2-1

จาก 2 ประตูของ ไมเคิ่ล โอเว่น ช่วงท้ายเกม โดยในเกมนั้นคนที่ขึ้นไปรับถ้วย เอฟเอ คัพ คือ ซามี ฮูเปีย (กัปตันทีม) และ เจมี เรดแนปป์ (กัปตันทีมตัวจริง) 4 วันหลังจากทีมได้แชมป์ เอฟเอ คัพ ลิเวอร์พูล ก็มีโปรแกรมลงเล่นในศึก ยูฟ่า คัพ รอบชิงชนะเลิศกับ เดปอร์ติโว อลาเวส (สเปน)

โดย ฟาวเลอร์ ถูกส่งลงสนามในนาทีที่ 66 โดยลงไปแทน เอมิล เฮสกีย์ ในขณะที่ทั้งสองทีมเสมอกัน 3-3 และฟาวเลอร์ ก็สามารถทำประตูได้หลังจาก ถูกเปลี่ยนลงสนามในเวลา 5 นาที แต่จบเกมทั้งสองทีมเสมอกัน 4-4

ก่อนที่ ลิเวอร์พูล จะมาได้ประตูชัยในนาทีที่ 116 (โกลเดน โกล์) ทำให้ ลิเวอร์พูล ชนะเดปอร์ติโว อลาเวสไป 5-4 และเป็น ร็อบบี ฟาวเลอร์ กับซามี ฮูเปีย ที่ขึ้นไปรับถ้วยยูฟ่า คัพบนสแตนด์

ร็อบบี้ ฟาวเลอร์กับฤดูกาลสุดท้าย ที่ลงเล่นให้ลิเวอร์พูล

ในฤดูกาลสุดท้ายที่ลงเล่นให้ ลิเวอร์พูล ฟาวเลอร์ สามารถทำแฮตทริกแรกในรอบ 3 ปี ได้ในเกมที่ชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ 4-1 เมื่อเดือนตุลาคม 2001 ในขณะที่สถานการณ์ในทีม ลิเวอร์พูล เริ่มไม่มั่นคงนักกับตำแหน่งตัวจริง

และการถูกบีบให้ต้องย้ายทีมของ เชรา อุลลิเยร์ ทำให้หนังสือพิมพ์ ลิเวอร์พูล เอคโคลงข่าวว่า ฟาวเลอร์ อาจจะต้องย้ายออกจากทีม และก็เป็นจริงเพราะหลังจากเกมที่ ลิเวอร์พูล ชนะเลสเตอร์ ซิตี้ 4-1 ผ่านไปได้เพียง 1 เดือน ฟาวเลอร์ ก็ย้ายออกจาก ลิเวอร์พูล มายัง ลีดส์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 11 ล้านปอนด์

เกียรติประวัติส่วนตัว

  • 1995 นักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมของ PFA
  • 1996 นักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมของ PFA
  • นักเตะที่ทำแฮตทริกเร็วที่สุดใน พรีเมียร์ ลีก (4 นที 33 วินาที ในเกมที่พบ อาร์เซน่อล, 28 สิงหาคม 1994)
ตาราง-12-05-64-v