ฟุตบอลทีมชาติอิตาลี เป็นตัวแทนทีมฟุตบอลจาก ประเทศอิตาลี อยู่ภายใต้การดูแลของ สมาพันธ์ฟุตบอลอิตาลี

ฟุตบอลทีมชาติอิตาลี วันนี้จะพามาทำความรู้จัก อีกหนึ่งในชาติที่ประสบความสำเร็จ มากที่สุดในการแข่งขันนานาชาติ

ฟุตบอลทีมชาติอิตาลี ทีมชาติอิตาลี (อิตาลี: Nazionale italiana di calcio) เป็นตัวแทนทีมฟุตบอลจาก ประเทศอิตาลี อยู่ภายใต้การดูแลของสมาพันธ์ฟุตบอลอิตาลี (ก่อตั้งใน ค.ศ. 1898) มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมือง ฟลอเรนซ์ อิตาลีเป็นหนึ่งในชาติที่ประสบความสำเร็จ มากที่สุดในการแข่งขันนานาชาติ

โดยชนะเลิศการแข่งขัน ฟุตบอลโลก 4 สมัยในปี 1934, 1938, 1982 และ 2006 และฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2 สมัยในปี 1968 และ 2020 และยังคว้าเหรียญทองใน โอลิมปิกฤดูร้อน ปี 1936 และยังเป็นชาติแรก ที่ชนะเลิศฟุตบอลโลกสองสมัยติดต่อกัน

ผู้จัดการทีมคนปัจจุบันคือ โรแบร์โต มันชินี อิตาลีถือเป็นคู่ปรับสำคัญของทีมชาตเยอรมนี, ทีมชาติบราซิล, ทีมชาติอาร์เจนตินา, ทีมชาติสเปนและทีมชาตฝรั่งเศส และถือเป็นหนึ่งในชาติที่เป็นศูนย์รวม นักเตะระดับโลกมาอย่างยาวนาน อิตาลียังครองสถิติในการไม่แพ้ทีมใด ในการแข่งขันทางการติดต่อกันมากที่สุด ในประวัติศาสตร์ จำนวน 37 นัด (ค.ศ. 2018–2021) เว็บดูบอลสดฟรี

ฟุตบอลทีมชาติอิตาลี

มาดูถึงประวัติของ ฟุตบอลทีมชาติอิตาลี ว่ามีความเป็นมาอย่างไรบ้าง มาดูกันเลย 

การรวมตัวกันของทีมชาติ อิตาลีชุดใหญ่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 เมษายน ปี 1899 ในการพบกับสวิตเซอร์แลนด์ ในนัดกระชับมิตร ณ เมืองตูริน ซึ่งอิตาลีแพ้ไป 0–2 การแข่งขันทางการครั้งแรก ได้จัดขึ้นที่มิลาน เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ปี 1910 อิตาลีเอาชนะฝรั่งเศส 6–2

โดยที่ ปิเอโตร ลานา เป็นผู้ทำประตูแรกอย่างเป็นทางการของอิตาลี ทีมอิตาลีเล่นด้วยระบบ 2–3–5 ประกอบด้วย: เด ซิโมนี; วาริสโก, กาลี; เตรเร, ฟอสซาติ, คาเปลโล; เดเบอร์นาดี้, ริซซี่, เซเวนีนี่ ที่ 1, ลาน่า, โบย็อกกี้ และมีกัปตันทีมคนแรกคือ ฟรานเชสโก กัลลี

ความสำเร็จแรกของพวกเขา คือการคว้าเหรียญทองแดงใน โอลิมปิกฤดูร้อน ปี 1928 ณ กรุงอัมส์เตอร์ดัม หลังจากแพ้ให้กับทีมชาติอุรุกวัย ในรอบรองชนะเลิศพวกเขาสามารถเอาชนะ ทีมชาติอียิปต์ ได้ถึง 11–3 ต่อมาในการแข่งขันรายการ Central European International Cup ในปี 1930 และ1935 

อิตาลีได้อันดับที่หนึ่งจากคู่แข่งห้าทีม ที่ลงแข่งขันคว้าแชมป์ไปได้ทั้งสองสมัย ตามด้วยความสำเร็จในกีฬาโอลิมปิกอีกครั้ง จากการคว้าเหรีญทองในปี 1936 โดยเอาชนะ ออสเตรีย 2–1 ภายหลังจากที่อิตาลีปฏิเสธคำเชิญ ในการเข้าร่วมฟุตบอลโลก 1930 

พวกเขาได้เข้าร่วมการแข่งขันในปี 1934 และ1938 ภายใต้การดูแลของ วิตโตรีโอ ปอซโซ ผู้จัดการทีม และการนำทัพของ จูเซปเป เมอัซซา อิตาลีลงแข่งขันฟุตบอลโลก 1934 และนัดแรกอของพวกเขา คือการถล่มเอาชนะสหรัฐอเมริกา 7–1 ที่กรุงโรม 

พวกเขาผ่านเข้าชิงชนะเลิศ และเอาชนะเชโกสโลวาเกีย 2–1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ จากการทำประตูของ ไรมันโด ออร์ซี และแอนเจโล่ สเกียวีโอ คว้าแชมป์โลกได้เป็นสมัยแรก ต่อมาในฟุตบอลโลก 1938 พวกเขาป้องกันแชมป์เอาไว้ได้ โดยเอาชนะ ฮังการี ในรอบชิงชนะเลิศ 4–2

จากการทำประตูของ จีโน่ คอลาอุสซี่ และ ซิลวิโอ ปิโอลา คนละสองประตู คว้าแชมป์โลกสมัยที่สอง และถือเป็นเป็นชาติแรกที่สามารถ ป้องกันแชมป์ฟุตบอลโลกได้ โดยก่อน การแข่งขันจะเริ่มต้นขึ้น เบนิโต มุสโสลินี นายกรัฐมนตรี ในขณะนั้นได้ส่ง โทรเลขอวยพรผู้เล่นทุกคน 

ฟุตบอลทีมชาติอิตาลี

ฟุตบอลทีมชาติอิตาลีในยุคแห่งความตกต่ำ (1946–66) 

ในปี 1949 ซึ่งเป็นช่วงที่กีฬาทั่วโลกได้รับผลกระทบจาก สงครามโลกครั้งที่สอง ผู้เล่น 10 คนจาก 11 คน ในกลุ่มผู้เล่นยุคก่อตั้งของทีมชาติ ได้เสียชีวิตลงจากอุบัติเหตุเครื่องบินตก โดยหลายคนเป็นผู้เล่นคนสำคัญ จากสโมสร โตริโน

ซึ่งชนะเลิศการแข่งขันลีกสูงสุด (เซเรียอา) 5 สมัยใน 7 ฤดูกาลหลังสุด (1943–49) ส่งผลให้อิตาลีไม่ผ่านรอบแรก ในฟุตบอลโลก 1950 ในช่วงเวลาดังกล่าวนักเตะและทีมงานทุกคน จะเดินทางด้วยเรือแทนการนั่งเครื่องบิน เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดเหตุเศร้าสลด ขึ้นอีกครั้ง

อิตาลี ยังต้องพบช่วงเวลาที่ยากลำบากอย่างต่อเนื่อง โดยในการแข่งขันฟุตบอลโลก 1954 พวกเขาไม่ผ่านรอบแรกตามด้วย การไม่ผ่านรอบคัดเลือกในฟุตบอลโลก 1958 และตกรอบแรกอีกครั้งในฟุตบอลโลก 1962 

และพวกเขาไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขัน ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 1960 ตามด้วยการตกรอบแรกในปี 1964 โดยแพ้ สหภาพโซเวียต ในการแข่งขัน ฟุตบอลโลก 1966 ณ ประเทศอังกฤษ พวกเขาตกรอบแรกอีกครั้ง โดยแพ้เกาหลีเหนือ ในนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม

ไปอย่างเหนือความคาดหมาย และไม่ชนะทีมใดเลยตลอดการแข่งขัน แม้ว่าในทีมชุดนั้นจะมีผู้เล่นอย่าง จานนี ริเวรา กองหลังชื่อดังจากสโมสร เอซี มิลาน และจาโกโม บุลกาเรลลี่ กองกลางจาก สโมสรโบโลญญา เมื่อกลับถึงประเทศแฟนบอลอิตาลี ที่ไม่พอใจกับผลงานของทีม

ต่างพากันมารอที่สนามบิน และขว้างปาสิ่งของและผลไม้ใส่ผู้เล่น โดยก่อนการแข่งขันจะเริ่มต้น อิตาลี ได้รับการคาดหมายว่าจะทำผลงานได้ดี เนื่องจากเป็นช่วงที่เริ่มฟื้นตัวขึ้นมา ได้ภายหลังจากโศกนาฎกรรมในปี 1949 ทีมชาติเนเธอร์แลนด์

ในยุคของ โจวันนี ตราปัตโตนี (2000–04) 

โจวันนี ตราปัตโตนี เข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีมใน ฟุตบอลโลก 2002 โดยอิตาลีทำผลงานยอดเยี่ยม ในรอบคัดเลือก ด้วยการไม่แพ้ทีมใดทั้ง 8 นัด แต่ในการแข่งขันรอบสุดท้าย อิตาลีแพ้เจ้าภาพร่วมเกาหลีใต้ ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย 1–2

โดยเป็นนัดที่ได้รับการวิจารณ์ มากที่สุดนัดหนึ่งเนื่องจากอิตาลี ทำประตูได้ในช่วงต่อเวลาแต่ผู้ตัดสิน กลับตัดสินว่าเป็นการล้ำหน้า และยังแจกใบแดงไล่ ฟรันเชสโก ตอตตี ออกจากสนาม รวมถึงให้จุดโทษแก่เกาหลีใต้ อย่างค้านสายตา

ไบรอน โมเรโน ผู้ตัดสินได้รับการวิจารณ์ว่ามีเจตนาทุจริตในการช่วยเหลือเกาหลีใต้ อิตาลีมีผลงานที่ย่ำแย่ในการแข่งขัน ยูโร 2004 โดยตกรอบแบ่งกลุ่ม แม้จะมี 5 คะแนนเท่ากับ เดนมาร์ก และ สวีเดน แต่ต้องตกรอบด้วยจำนวนประตูลูกได้เสีย

ฟุตบอลทีมชาติอิตาลีรองแชมป์ยุโรป (1996–00) 

อิตาลี ตกรอบแรกในฟุตบอลยูโร 1996 และตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายในฟุตบอลโลก 1998 โดยแพ้ ฝรั่งเศส เจ้าภาพในการดวลจุดโทษ 3–4 โดยในรายการดังกล่าว โรแบร์โต บัจโจ ทำสถิติเป็นผู้เล่นอิตาลีคนแรก ที่ทำประตูในการแข่งขันฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายได้ 3 สมัย

ต่อมาในการแข่งขัน ยูโร 2000 อิตาลีในชุดนั้นประกอบไปด้วย ผู้เล่นชื่อดังมากมาย อาทิ ฟรันเชสโก ตอตตี, ฟีลิปโป อินซากี, อาเลสซันโดร เดล ปิเอโร, เปาโล มัลดินี และอาเลสซันโดร เนสตา พาทีมเข้าชิงชนะเลิศไปพบกับ ฝรั่งเศส คู่ปรับเก่าอีกครั้ง แต่อิตาลีแพ้ไปในช่วงต่อเวลาพิเศษ 1–2 จากการทำประตูของ ดาวิด เทรเซเก้ต์ ในช่วงกฎประตูทอง (Golden Goal)

ตาราง-12-05-64-v