ฟุตบอลทีมชาติญี่ปุ่น หนึ่งในทีมฟุตบอลที่เข้าร่วมใน การแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 กับฉายา ซามูไรสีน้ำเงิน

ฟุตบอลทีมชาติญี่ปุ่น วันนี้จะพามารู้จักกับ ซามูไรสีน้ำเงิน ทีมฟุตบอลแห่งชาติ ของประเทศญี่ปุ่น

ฟุตบอลทีมชาติญี่ปุ่น ฉายา ซามูไรสีน้ำเงิน เป็นทีมฟุตบอลแห่งชาติ ของประเทศญี่ปุ่น อยู่ภายใต้การดูแลของสมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น (JFA) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลฟุตบอล ในประเทศญี่ปุ่น หัวหน้าผู้ฝึกสอนคนปัจจุบันคือ ฮาจิเมะ โมริยาซุ ซึ่งก็ทำหน้าที่เป็นผู้ฝึกสอน ของทีมชาติรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีด้วย

เดิมญี่ปุ่นเป็นเพียงทีมฟุตบอล สมัครเล่นขนาดเล็ก แต่ในทศวรรษ 1990 ฟุตบอลญี่ปุ่น ได้เข้าสู่ระบบอาชีพอย่างเต็มตัว ทำให้ทีมชาติญี่ปุ่นกลายเป็นหนึ่ง ในทีมชาติที่ประสบความสำเร็จ มากที่สุดในเอเชีย พวกเขาผ่านเข้าไปเล่นใน ฟุตบอลโลกรอบสุดท้า ยในหกครั้งหลังสุด

โดยผ่านเข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายในปี 2002, 2010, และ 2018 ญี่ปุ่นเป็นชาติที่ชนะเลิศเอเชียนคัพมากที่สุด ที่สี่สมัยในปี 1992, 2000, 2004 และ 2011 นอกจากนี้ ยังเคยจบอันดับที่สอง ในฟีฟ่าคอนเฟเดอเรชันส์คัพ 2001

และเอเชียนคัพ 2019 ทีมชาติญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในสามทีม จากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย (ร่วมกับออสเตรเลีย และซาอุดีอาระเบีย) ที่เคยเข้าชิงชนะเลิศในรายการ แข่งขันฟุตบอลชายของฟีฟ่า โหลดเกมส์

ฟุตบอลทีมชาติญี่ปุ่น

มาดูถึงประวัติ ฟุตบอลทีมชาติญี่ปุ่น ว่ามีความเป็นมาอย่างไร มาดูไปพร้อมๆกันเลย

ยุคก่อนสงคราม (ทศวรรษ 1910–1930) นัดการแข่งขันระหว่างประเทศ ครั้งแรกสุดของญี่ปุ่นเกิดขึ้นใน กีฬาตะวันออกไกล 1917 ที่โตเกียว ซึ่งแข่งขันโดยทีมจากโรงเรียนมัธยมปลาย โตเกียว แม้ว่าญี่ปุ่นจะมีความโดดเด่น ในด้านกีฬาว่ายน้ำ เบสบอล และกรีฑา

แต่ทีมฟุตบอลกลับพ่ายแพ้ทั้ง ทีมสาธารณรัฐจีน และฟิลิปปินส์ อย่างไรก็ตามเกมฟุตบอลได้มีบทบาท มากขึ้นในโรงเรียนญี่ปุ่นในช่วงทศวรรษ 1920 สมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น ก่อตั้งใน ค.ศ. 1921 และเข้าร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1929

ทีมชาติญี่ปุ่นทีมแรก “อย่างแท้จริง” (ซึ่งเกิดขึ้นจากกระแสต่อต้าน การส่งทีมมหาวิทยาลัย เป็นตัวแทนของประเทศ) ลงสนามแข่งขันในกีฬาตะวันออกไกล 1930 พวกเขาเสมอกับจีน และคว้าแชมป์ร่วมกัน ชิเงโยชิ ซูซูกิ ได้คุมทีมชาติลงเล่นใน โอลิมปิกครั้งแรกใน โอลิมปิกฤดูร้อน 1936 ที่กรุงเบอร์ลิน

ญี่ปุ่น ยังได้สิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลโลก 1938 รอบคัดเลือก แต่ทีมได้ถอนตัวออกไปก่อนนัด ที่จะพบกับทีมชาติหมู่เกาะอินเดีย ตะวันออกของ เนเธอร์แลนด์ หลังจากที่สงครามโลก ครั้งที่สองได้เริ่มขึ้น ญี่ปุ่นไม่ได้ลงเล่นเกมการแข่งขัน ระหว่างประเทศอีกเลย

นอกเหนือไปจากนัดที่แข่งกับทีม แมนจูเรีย และทีมอาณานิคมอื่นๆ นัดการแข่งขันสุดท้าย ที่มีผลต่ออันดับอีโลในตอนนั้นคือ นัดกระชับมิตรที่พบกับฟิลิปปินส์ ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1940 ในช่วงเดียวกันที่เกาหลี อยู่ภายใต้การปกครองของญี่ปุ่น

มีนักฟุตบอลชาวเกาหลี หลายคนลงเล่นให้กับทีมชาติญี่ปุ่น อาทิ คิม ย็อง-ซิก (1936–40), คิม ซึง-กัน (1940) และ อี โย-ฮย็อง (1940) ปลายทศวรรษ 1980 เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงฟุตบอลในประเทศ ให้เข้าสู่ระบบอาชีพมากขึ้น ใน ค.ศ. 1986 สมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น เปิดตัวระบบผู้เล่นไลเซนส์พิเศษ

ซึ่งจำกัดผู้เล่นชาวต่างชาติ ที่ลงแข่งขันในลีกกึ่งอาชีพในประเทศ ต่อมาใน ค.ศ. 1988 และ 1989 มีการประชุมเพื่ออภิปรายถึงการจัดตั้ง ลีกฟุตบอลอาชีพเต็มรูปแบบในญี่ปุ่น ญี่ปุ่นเข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายครั้งแรกในปี 1998

โดยในสองนัดแรก พวกเขาแพ้อาร์เจนตินา และโครเอเชีย ด้วยผล 1–0 เหมือนกัน ก่อนที่จะแพ้จาเมกา 2–1 ในนัดสุดท้าย แม้ว่าจะแพ้รวดทุกนัด แต่ทีมก็ทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ ด้วยการแพ้ด้วยผลต่างเพียงนัดละลูก เท่านั้น ฟุตบอลทีมชาติเวลส์

ฟุตบอลทีมชาติญี่ปุ่น

ผลงานในฟุตบอลโลก 2018ฟุตบอลทีมชาติญี่ปุ่น ในการสร้างประวัติศาสตร์

ญี่ปุ่น สร้างประวัติศาสตร์ใน ฟุตบอลโลก 2018 ด้วยการเอาชนะ โคลอมเบีย 2–1 นับเป็นครั้งแรก ที่ทีมจากเอเอฟซีสามารถเอาชนะ ทีมจากคอนเมบอลได้ในการแข่งขัน อย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ยังเป็นชัยชนะนัดแรก ของญี่ปุ่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย

ที่ชาติสมาชิกยูฟ่าเป็นเจ้าภาพ ต่อมาในนัดที่สอง ญี่ปุ่นเสมอกับเซเนกัล 2–2 โดย ญี่ปุ่น ได้ประตูจากทากาชิ อินูอิ และเคซูเกะ ฮนดะ ญี่ปุ่นแพ้ในนัดสุดท้ายของกลุ่มเอชต่อโปแลนด์ 0–1 ทำให้ญี่ปุ่นกับเซเนกัลมีสี่คะแนนเท่ากัน แต่ญี่ปุ่นได้ผ่านเข้าสู่รอบแพ้คัดออก

จากการที่พวกเขาได้รับ ใบเหลืองน้อยกว่า ญี่ปุ่นจึงกลายเป็นทีมแรกในฟุตบอลโลก ที่ผ่านเข้ารอบด้วยกฎแฟร์เพลย์ อย่างไรก็ตามมีข้อถกเถียงเกิดขึ้น ในนัดที่ญี่ปุ่นพบโปแลนด์ แฟนบอลส่งเสียงโห่ใส่ผู้เล่นญี่ปุ่น ซึ่งเอาแต่จ่ายบอลไปมา ไม่ทำฟาล์ว

และไม่พยายามขึ้นเกมเพื่อทำประตู ในช่วงสิบนาทีสุดท้ายทั้งที่ผลตามหลังอยู่ ทั้งนี้เป็นเพราะพวกเขาทราบว่า มีความได้เปรียบเหนือกว่าเซเนกัลแล้ว นัดนี้ถูกนำไปเปรียบเทียบกับ ความอัปยศแห่งฆิฆอนในฟุตบอลโลก 1982 เนื่องด้วยการเล่นแบบ เอื้อประโยชน์ที่คล้ายกัน

ญี่ปุ่นเป็นเพียงทีมเดียวจากเอเอฟซี ที่ผ่านเข้าสู่รอบแพ้คัดออกในฟุตบอลโลก ครั้งนั้นโดยในรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่พบกับ เบลเยียม ญี่ปุ่นเป็นฝ่ายขึ้นนำก่อน 2–0 อย่างเหนือความคาดหลาย พวกเขาได้ประตูจาก เก็งกิ ฮารางูจิ ในนาทีที่ 48 และทากาชิ อินูอิในนาทีที่ 52

แต่กลับเสียถึง 3 ประตูในช่วงหลังจากนั้น ซึ่งประตูสุดท้ายที่เป็นประตูชัย ของเบลเยียมได้จากการเล่นสวนกลับ ของทีมและการยิงประตูของ นาแซร์ ชาดลี ในนาทีที่ 94 นี่เป็นครั้งที่สามที่ญี่ปุ่นเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายและตกรอบนี้ แต่ก็ยังเป็นผลงานที่ดีที่สุด ในฟุตบอลโลกของพวกเขา

ความพ่ายแพ้ของญี่ปุ่นต่อเบลเยียม นับเป็นครั้งแรกในรอบแพ้คัดออกของฟุตบอลโลก ที่ทีมที่ขึ้นนำสองประตูก่อนกลับกลาย เป็นฝ่ายแพ้ ครั้งล่าสุดที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ เกิดขึ้นในรอบก่อนรองชนะเลิศ ในฟุตบอลโลก 1970 ที่ อังกฤษพลิกแพ้เยอรมนีตะวันตก 2–3

ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ผลงานของญี่ปุ่นในฟุตบอลโลกครั้งนี้ ได้รับการชื่นชมจากแฟนบอล นักวิจารณ์และสื่อต่างๆ ในด้านการต่อสู้เพื่อจิตวิญญาณ โดยยกตัวอย่างนัดที่ชนะโคลอมเบีย, เสมอเซเนกัล และแพ้เบลเยียม อย่างสูสี แทงบอลออนไลน์

ได้รับเชิญให้กับเข้าร่วมแข่งขัน โกปาอาเมริกา 2019

ญี่ปุ่น ได้รับเชิญให้กับเข้าร่วมแข่งขัน โกปาอาเมริกา 2019 ซึ่งนับเป็นครั้งที่สองที่ทีมได้เข้าร่วมแข่งขัน รายการนี้และทีมได้ส่งผู้เล่นดาวรุ่งลงแข่งขัน เป็นส่วนใหญ่ พวกเขาอยู่ในกลุ่มซี ร่วมกับอุรุกวัย, ชิลี และเอกวาดอร์ ญี่ปุ่นประเดิมสนามด้วยการแพ้ชิลี 0–4

แต่ในนัดถัดมา สามารถยันเสมอกับทีมยักษ์ใหญ่ อย่างอุรุกวัย 2–2 ทำให้ในนัดสุดท้าย ญี่ปุ่นต้องชนะเอกวาดอร์ เพื่อเข้ารอบแพ้คัดออก อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่น ทำได้เพียงเสมอ 1–1 ทำให้ต้องตกรอบด้วยผลต่างประตู ที่แย่กว่าปารากวัยหลังจบทัวร์นาเมนต์

ญี่ปุ่นแข่งเกมกระชับมิตรกับ ปารากวัย ในบ้านและเอาชนะไปได้ 2–0 ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2019 ญี่ปุ่น เข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชียตะวันออก ที่เกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพ ผู้ฝึกสอน โมริยาซุ เลือกใช้ผู้เล่นดาวรุ่ง และมีประสบการณ์น้อย ทำให้ญี่ปุ่นเอาชนะจีน และฮ่องกง แต่แพ้คู่ปรับอย่างเกาหลีใต้ ทำให้พวกเขาจบอันดับที่สอง ของรายการ

ในฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก ญี่ปุ่นอยู่กลุ่มเดียวกันกับพม่า, ทาจิกิสถาน, คีร์กีซสถาน และมองโกเลีย ญี่ปุ่น ผ่านเข้าสู่รอบถัดไปได้อย่างง่ายดาย หลังจากที่เอาชนะครบทุกทีมในกลุ่ม โดยที่ไม่เสียประตูในเกมเยือนเลย

ฟุตบอลทีมชาติญี่ปุ่นเกือบประสบความสำเร็จใน เอเชียนคัพ 2019

ญี่ปุ่น เกือบประสบความสำเร็จใน เอเชียนคัพ 2019 พวกเขาจบอันดับที่หนึ่ง ของกลุ่มเอฟ หลังจากที่เอาชนะเติร์กเมนิสถาน 3–2, โอมาน 1–0 และอุซเบกิสถาน 2–1 อย่างไรก็ตาม ทีมถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า เน้นเกมรับมากเกินไป สังเกตจากการที่พวกเขา ชนะด้วยผลต่างเพียงประตูเดียวทั้งสามนัด

เช่นเดียวกันกับในรอบแพ้คัดออก พวกเขาเอาชนะซาอุดีอาระเบียในรอบ 16 ทีมสุดท้าย และเอาชนะทีมม้ามืดอย่างเวียดนาม ในรอบก่อนรองชนะเลิศด้วยผล 1–0 ทั้งสองนัด ต่อมาในรอบรองชนะเลิศ พวกเขาเอาชนะอิหร่านไปได้ 3–0

อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นไม่สามารถคว้าแชมป์เอเชียนคัพ สมัยที่ห้ามาครองได้หลังจากที่พ่ายแพ้ ต่อกาตาร์ในนัดชิงชนะเลิศ 1–3 ทำให้พวกเขาจบด้วยอันดับรองชนะเลิศ ของทัวร์นาเมนต์

ตาราง-12-05-64-v