พรีเมียร์ลีก คือ Premier League การแข่งขันฟุตบอลในระดับลีกสูงสุด ของประเทศอังกฤษ

พรีเมียร์ลีก คือ ฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 วันนี้มาทำความรู้จักกันมากขึ้น

พรีเมียร์ลีก คือ (อังกฤษ: Premier League) หรือมักจะเรียกว่า พรีเมียร์ลีกอังกฤษ เป็นการแข่งขันฟุตบอลในระดับลีกสูงสุดของประเทศอังกฤษ โดยแข่งขันกัน 20 สโมสร มีระบบการตกชั้นไปสู่ อีเอฟแอลแชมเปียนชิป ฤดูกาลการแข่งขันเริ่มต้นตั้งแต่ เดือนสิงหาคมถึงพฤษภาคม

แต่ละทีมลงเล่นทั้งหมด 38 นัด จากการพบกันเหย้าและเยือน โดยนัดการแข่งขันส่วนใหญ่มักจะแข่งขัน ในช่วงบ่ายวันเสาร์และวันอาทิตย์ (เวลาท้องถิ่น) การแข่งขันก่อตั้งในชื่อ เอฟเอพรีเมียร์ลีก เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1992

หลังการตัดสินใจของสโมสรในฟุตบอลลีก เฟิสต์ดิวิชั่น  ที่ต้องการจะแยกตัวออกจาก อิงกลิชฟุตบอลลีก ซึ่งก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1888 เพื่อรับผลประโยชน์จากข้อตกลงสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ ข้อตกลงนั้นมีมูลค่าประมาณ 1 พันล้านปอนด์ต่อปี ณ ฤดูกาล 2013–14

โดยมี สกายและบีทีกรุป ได้สิทธิ์ในการถ่ายทอดสด 116 นัดและ 38 นัด ตามลำดับ พรีเมียร์ลีกเป็นบริษัทที่สโมสร เป็นสมาชิกทำหน้าที่เป็นผู้ถือหุ้น และสร้างรายได้ 2.2 พันล้านยูโรต่อปี จากสิทธิ์การถ่ายทอดสดทั้งในประเทศ และต่างประเทศ

สโมสรได้รับรายได้จากเงินส่วนกลางจำนวน 2.4 พันล้านปอนด์ในฤดูกาล 2016–1718 และอีก 343 ล้านปอนด์จ่ายให้กับสโมสรใน อิงกลิชฟุตบอลลีก (อีเอฟแอล) พรีเมียร์ลีกเป็นลีกกีฬาที่มีผู้ชมมากที่สุดในโลก โดยมีการถ่ายทอดสดใน 212 ดินแดน ไปยังบ้าน 643 ล้านหลัง

และคาดว่ามีผู้ชมโทรทัศน์ 4.7 พันล้านคน มีผู้ชมในสนามเฉลี่ย 38,181 คน ในฤดูกาล2018-19 เป็นรองแค่ บุนเดิสลีกา ซึ่งมีผู้ชมในสนามเฉลี่ยที่ 43,500 คน และมีผู้ชมในสนามสะสมในทุกนัดการแข่งขันที่ 14,508,981 คน ซึ่งสูงที่สุดมากกว่าลีกอื่นๆ

โดยเกือบทุกสนามมีผู้ชมเกือบเต็ม ความจุของสนามพรีเมียร์ลีก มีค่าสัมปประสิทธิ์ยูฟ่าเป็นอันดับที่สอง เป็นรองแค่ ลาลิกา โดยค่าสัมประสิทธิ์ยูฟ่านั้นคือการนำผลงานการแข่งขัน ในยุโรปจำนวนห้าฤดูกาลก่อนมาคำนวณมี 49 สโมสร

ที่เคยแข่งขันในพรีเมียร์ลีกตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1992 โดยแบ่งเป็นสโมสรจากอังกฤษ 47 สโมสรและสโมสรจากเวลส์ 2 สโมสร มี 7 สโมสรจากทั้งหมดที่ชนะเลิศพรีเมียร์ลีก ได้แก่ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด (13) เชลซี (5) แมนเชสเตอร์ซิตี้ (4) อาร์เซนอล (3) แบล็กเบิร์นโรเวอส์ (1) เลสเตอร์ซิตี้ (1) ลิเวอร์พูล (1) สถิติคะแนนสูงสุดในพรีเมียร์ลีกคือ 100 คะแนน ทำโดยแมนเชสเตอร์ซิตีเมื่อ ฤดูกาล 2017-18 หนังออนไลน์ล่าสุด 

พรีเมียร์ลีก คือ

ปรัวัติความเป็นมา พรีเมียร์ลีก คือ อะไรวันนี้เรามีคำตอบ

เดิมฟุตบอลลีกแห่งนี้ ได้ใช้ชื่อว่า ฟุตบอลลีกดิวิชั่นหนึ่งซึ่งมีจัดการแข่งขันตั้งแต่ปี พ.ศ. 2431 (ค.ศ. 1888) และถือว่าเคยเป็นลีกฟุตบอลที่ยาวนานที่สุดในโลก โดยในปี พ.ศ.2535 ในฤดูกาล 1992-93 ความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเกิดขึ้นจาก รูเพิร์ธ เมอร์ด็อก (Rupert Murdoch)

นักธุรกิจสื่อสารรายใหญ่เจ้าของเครือข่าย สถานีโทรทัศน์สกาย (BSkyB) พยายามผลักดันให้สโมสรฟุตบอล ที่จะลงแข่งขันในดิวิชันหนึ่งประจำฤดูกาล 1992-93 ถอนตัวออกมาจัดตั้งเป็นพรีเมียร์ลีก ทำให้ฟุตบอลลีกสูงสุดของอังกฤษในชื่อว่าดิวิชันหนึ่ง ซึ่งมีอายุ 104 ปี ต้องยุติลง

ขณะเดียวกันทางฟุตบอลลีก เดิมได้เปลี่ยนชื่อจาก ดิวิชั่นสอง มาเป็น ดิวิชันหนึ่ง และดิวิชันอื่นได้เปลี่ยนตามกันไปในช่วงนั้น เป็นช่วงเวลาที่วงการฟุตบอลอาชีพของอังกฤษตกต่ำอย่างมาก เกิดเหตุการณ์หลายอย่างที่ส่งผลกระทบ ต่อภาพลักษณ์ของฟุตบอลอังกฤษ บอลยูโร

เช่น เหตุการณ์เพลิงไหม้อัฒจันทร์วันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ.2528 ที่สนามฟุตบอลของ แบรดฟอร์ดซิตี้ ในระหว่างการแข่งขัน มีผู้เสียชีวิต 56 คน เหตุการณ์ภัยพิบัติฮิลส์โบโรวันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2532 ที่สนามฮิลส์โบโรของ เชฟฟิลด์เวนส์เดย์ มีผู้คนเหยียบกันเสียชีวิต 96 คน

นอกจากนี้ ภัยพิบัติเฮย์เซล ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างการแข่งขันฟุตบอล ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบชิงชนะเลิศ ระหว่าง ลิเวอร์พูล และ ยูเวนตูส ที่มีผู้เสียชีวิต 39 คน ทำให้ยูฟ่าสั่งห้ามไม่ให้สโมสรจากอังกฤษ เข้าร่วมการแข่งขันชิงถ้วยสโมสรในยุโรปเป็นเวลา 5 ปี

นอกจากนี้กลุ่มฮูลิแกนหรือ อันธพาลลูกหนังที่ตามไปเชียร์ทีมที่ชื่นชอบ ก็ก่อพฤติกรรมเกะกะระรานหลังจบการแข่งขัน เข้าผับดื่มกินจนเมามาย บ้างก็วิวาทกับแฟนฟุตบอลเจ้าถิ่น เกิดเหตุการณ์วุ่นวายบางครั้งรุนแรง ถึงขั้นจลาจลหรือไม่ก็มีคนเสียชีวิต

โดยสาเหตุส่วนหนึ่งของภัยพิบัติเฮย์เซล ก็เป็นการทะเลาะกันระหว่างแฟนบอลชาวอิตาลี ที่มาชวนทะเลาะกับฮูลิแกน ซึ่งทำให้แฟนฟุตบอลไม่สามารถชมการแข่งขันได้อย่างสงบสุข เนื่องด้วยกลัวจะถูกลูกหลง ประกอบกับสภาพสนามที่ย่ำแย่

ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก หรือการป้องกันเหตุฉุกเฉินอย่างดีพอ ทำให้ชาวอังกฤษหลายคนตัดสินใจ รับชมการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ที่บ้าน แทนที่จะเดินทางมาเชียร์ในสนามดังเช่นอดีต ช่วงทศวรรษ 1980 รายได้ของสโมสรจากค่าผ่านประตู ซึ่งเป็นรายได้หลักได้ลดลงอย่างมาก

มีเพียงสโมสรชั้นนำไม่กี่แห่งเท่านั้นที่ยังคงมีกำไร ในฤดูกาล 1986-87 ทุกสโมสรฟุตบอลมีกำไรสุทธิรวมเพียง 2.5 ล้านปอนด์ พอถึงฤดูกาล 1989-90 รวมทุกสโมสรขาดทุน 11 ล้านปอนด์ ทำให้นายทุนไม่กล้าจะเข้ามาลงทุน ในธุรกิจกีฬาอาชีพนี้อย่างเต็มที่

หลายสโมสรในช่วงนั้นมีข่าวว่าใกล้จะล้มละลาย ภายหลังเหตุการณ์ที่สนามฮิลส์โบโร รัฐบาลอังกฤษได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นสอบสวน เรื่องที่เกิดขึ้นโดยมีลอร์ดปีเตอร์ เทย์เลอร์ ผู้พิพากษาระดับรองประธานศาลฎีกา เป็นประธานคณะกรรมการ

โดยผลการไต่สวนซึ่งเรียกว่ารายงาน ฉบับเทย์เลอร์ (Taylor Report) ได้กลายมาเป็นเอกสารสำคัญนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการฟุตบอลอังกฤษ เพราะกำหนดให้ทุกสโมสรต้องปรับปรุงสนามแข่งขัน UFABET

ที่สำคัญคืออัฒจันทร์ชมการแข่งขัน ต้องเป็นแบบนั่งทั้งหมด ห้ามมีอัฒจันทร์ยืนเพื่อความปลอดภัยของ ผู้ชมการแข่งขัน โดยทีมในระดับดิวิชัน 1 และ 2 ต้องปรับปรุงให้เสร็จในปี 2537 และ ดิวิชัน 3 และ 4 ให้เสร็จในปี 2542 ส่งผลให้การยืนชมฟุตบอล

ซึ่งเป็นวัฒนธรรมการชมฟุตบอล ของคนอังกฤษมานานต้องจบลง รวมทั้งบางแห่งที่มีชื่อเสียงอย่าง เช่นอัฒจันทร์เดอะค็อปปของสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล ถึงแม้ว่าในประเทศอังกฤษ จะมีสโมสรฟุตบอลทั้งอาชีพและสมัครเล่น มากที่สุดในโลก

แต่สนามฟุตบอลส่วนใหญ่มีสภาพเก่าแก่ทรุดโทรม บางสโมสรในระดับดิวิชันหนึ่งหรือดิวิชั่นสอง ยังคงมีอัฒจันทร์ที่สร้างด้วยไม้ ทำให้การปรับปรุงสนามฟุตบอลของสโมสรฟุตบอลอังกฤษ ครั้งนี้ต้องใช้เงินลงทุนมหาศาล ท่ามกลางสถานะทางการเงินที่ไม่มั่นคง

เพราะรายได้ลดลงอย่างมาก สโมสรเล็กบางแห่งซึ่งมีผู้ชมน้อยอยู่แล้ว จึงใช้วิธีปิดตายอัฒจันทร์ยืน ส่วนสโมสรใหญ่ที่ฐานะการเงินดีกว่า ก็ประสบปัญหาเช่นกัน เพราะไม่อาจใช้วิธีเลี่ยงปัญหา แบบสโมสรเล็กได้ รัฐบาลอังกฤษในขณะนั้นต้องเข้าช่วยเหลือ

โดยลดค่าธรรมเนียมหรือภาษีธุรกิจพนันฟุตบอล นำเงินส่วนนี้มาตั้งกองทุนฟุตบอลจำนวน 100 ล้านปอนด์ ให้ฟุตบอลลีกเป็นคนจัดสรรให้สโมสรฟุตบอลซึ่งเป็นภาคีสมาชิกทั้ง 96 สโมสร นำไปพัฒนาปรับปรุงสนามแข่งขันของตนเอง

แต่งบประมาณเท่านี้ต้องนับว่าน้อยมาก หากนำมาเฉลี่ยอย่างเท่ากันแล้ว จะได้รับเงินเพียงสโมสรละ 1.08 ล้านปอนด์เท่านั้น ขณะที่สโมสรฟุตบอลชั้นแนวหน้าของลีก ต้องใช้เงินในการณ์นี้สูงถึงกว่าสิบล้านปอนด์ สโมสรใหญ่ในดิวิชันหนึ่งจึงกดดัน ฟุตบอลลีกจัดสรรเงินให้มากกว่าสโมสรเล็ก เพราะหากไม่เสร็จทันตามกำหนดอาจจะถูกถอนใบอนุญาตได้

การซื้อตัวผู้เล่นต่างชาติใน พรีเมียร์ลีก คือ อะไรมาทำความเข้าใจ

จารีตอันยาวนานของสโมสรฟุตบอลอังกฤษ ในเรื่องนักฟุตบอลของทีมคือ แต่ละสโมสรจะส่งตัวแทนค้นหาเยาวชน ที่มีความสามารถทางการเล่นฟุตบอลเพื่อนำมาฝึกหัดพัฒนาทักษะ โดยให้ลงเล่นตั้งแต่ในทีมระดับเยาวชน สมัครเล่น หรือทีมสำรอง

ผู้ที่มีความโดดเด่นจะได้รับคัดเลือกให้ลงเล่น ในทีมชุดใหญ่ซึ่งลงแข่งในฟุตบอลลีก หากจะมีการซื้อตัวผู้เล่นก็มัก จะมาจากสโมสรในดิวิชันหนึ่ง (เดิม) ซื้อตัวผู้เล่น ดาวรุ่ง จากดิวิชันที่ต่ำกว่าหรือจากสโมสรสมัครเล่นนอกลีก มีน้อยมากที่ซื้อนักฟุตบอลต่างชาติ (ไม่นับรวม สกอตแลนด์ เวลส์ และไอร์แลนด์)

ต่างจากสโมสรฟุตบอลอาชีพ ทางยุโรปตอนใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสโมสรฟุตบอล ในอิตาลีและสเปน ซึ่งมักจะได้รับฉายาว่า เจ้าบุญทุ่ม บ่อยครั้งที่สโมสรฟุตบอลจากสองประเทศ นี้จ่ายเงินมหาศาลจนถึงขั้นสร้างสถิติโลก ในการซื้อตัวนักฟุตบอลต่างชาติเพียงหนึ่งคน

แต่เมื่อพรีเมียร์ลีกก่อกำเนิดธรรมเนียม การกว้านซื้อตัวนักฟุตบอลต่างชาติ ของสโมสรฟุตบอลอังกฤษจึงเริ่มมีมากขึ้น จารีตการสร้างนักฟุตบอลของตัวเองแม้จะยังคงอยู่ แต่ก็ลดความสำคัญลงไปทุกขณะ เพราะต้องใช้เวลายาวนานอาจไม่ทันการณ์

สู้ใช้เงินซื้อนักฟุตบอลชื่อดังระดับโลก มาร่วมสังกัดไม่ได้ที่สามารถดึงดูด แฟนฟุตบอลให้ซื้อบัตรเข้าชมการแข่งขัน มากขึ้นในเวลาอันสั้นลีลาการเล่นที่ตื่นเต้นเร้าใจ ย่อมขยายฐานแฟนคลับให้กว้างขวาง ออกไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อสโมสรชั้นนำในพรีเมียร์ลีก ต่างมีสถานะทางการเงินที่มั่นคงกว่าเดิม จึงพร้อมที่จะทำในสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้น มาก่อนในประวัติศาสตร์รูปโฉมใหม่ของฟุตบอลอาชีพอังกฤษเปิดฉากขึ้น ในฤดูกาล 1994-95 เมื่อท็อตนัมฮอตสเปอร์ซี่ซื้อตัว เยอร์เกิน คลินส์มันน์

นักฟุตบอลทีมชาติเยอรมันจาก โมนาโก ในลีกฝรั่งเศสทักษะและลีลาการเล่นฟุตบอลของ คลินส์มันน์ สร้างความตื่นตาตื่นใจต่อผู้ชม ทำให้เขากลายเป็นขวัญใจของกองเชียร์ในเวลาไม่นาน สร้างความพึงพอใจต่อสโมสร ต้นสังกัดเป็นอย่างยิ่ง

ความสำเร็จของทอตนัมฮอตสเปอร์ กระตุ้นให้สโมสรอื่นกล้าลงทุนซื้อตัว นักฟุตบอลระดับโลกมากขึ้นเพราะรายรับ ที่ได้กลับคืนมาคุ้มค่ากับการลงทุนอาจกล่าวได้ว่าในขณะนี้ พรีเมียร์ลีกเป็นลีกฟุตบอลภายในประเทศ ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งดึงดูดนักฟุตบอลชั้นดี

ให้มาประกอบวิชาชีพไม่ต่างจาก เซเรียอาของประเทศอิตาลี หรือลาลิกาของประเทศสเปน ตัวชี้วัดคุณภาพที่ดีที่สุดคือนักฟุตบอลที่เข้าร่วม แข่งขันฟุตบอลโลก 2002 ซึ่งเกาหลีใต้-ญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพ มีจำนวน 101 คนที่เล่นฟุตบอลในอังกฤษ และปัจจุบันมีนักฟุตบอลต่างชาติ ในพรีเมียร์ลีกมากกว่า 290 คน

รูปแบบการแข่งขัน อะไรที่น่าสนใจ ทำความเข้าใจกันแบบง่ายๆ

มีสโมสรร่วมกันแข่งขันในพรีเมียร์ลีก 20 ทีม ในช่วงระหว่างฤดูกาล (ตั้งแต่สิงหาคมถึงพฤษภาคม) โดยแต่ละทีมจะพบกันหมด เหย้าและเยือน ทีมชนะได้ 3 คะแนน ทีมเสมอได้ 1 คะแนน และทีมแพ้ไม่ได้คะแนน ตลอดฤดูกาลทุกทีมจะต้องแข่งขันทั้งสิ้น 38 นัด

ทีมจะถูกจัดอันดับโดยเรียงจาก คะแนน ผลประตูได้เสียและผลประตูรวม หากยังคงเท่ากันทีมจะถือว่า ครองตำแหน่งเดียวกัน หากมีการเสมอกันในการตกชั้นสู่การแข่งขันลีกแชมเปียนชิป หรือ การคัดเลือกไปยังการแข่งขันอื่นๆ

จำเป็นต้องมีการแข่งขันเพลย์ออฟที่สนามกลางเพื่อตัดสินอันดับ การเลื่อนชั้นและการตกชั้น มีระบบการเลื่อนชั้นและการตกชั้น ระหว่าง พรีเมียร์ลีก และ อีเอฟแอลแชมเปียนส์ชิป โดยสามทีมที่ได้อันดับต่ำสุดในพรีเมียร์ลีก

จะต้องตกชั้นไปเล่นใน แชมเปียนชิป และ ทีมที่อันดับสูงที่สุดสองทีมในแชมเปียนชิป จะเลื่อนชั้นไป พรีเมียร์ลีก พร้อมกับอีกหนึ่งทีมที่มาจากการชนะเลิศในการแข่งขันเพลย์-ออฟระหว่างอันดับที่ 3, 4, 5 และ 6 แต่เดิมพรีเมียร์ลีกมี 22 ทีมตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1992 แต่ลดลงเหลือ 20 ทีม เมื่อปี ค.ศ. 1995

คัดเลือกไปยังการแข่งขันอื่น 4 ทีมที่อันดับดีสุดจะได้ผ่านเข้าไปเล่นใน ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก โดยสี่ทีมอันดับแรกจะผ่านเข้าไปรอในรอบแบ่งกลุ่ม (ทีมชนะเลิศได้อยู่โถ 1) ส่วนอันดับ 5 จะได้เล่นยูฟ่ายูโนปาลีก (ยูฟ่า คัพ เดิม) และทีมที่ชนะเลิศการแข่งขันฟุตบอลถ้วย ภายในประเทศก็จะได้สิทธิ์ไปเล่นในยูโรปาลีก

โดยอัตโนมัติเช่นกัน ในกรณีที่ทีมอันดับ 1-4 ชนะการแข่งขันฟุตบอลถ้วยภายในประเทศ สิทธิ์การแข่งยูฟ่ายูโรปาลีก จะได้แก่อันดับ 6 และ 7 ของพรีเมียร์ลีกแทน ทีมพรีเมียร์ลีกที่ได้สิทธิไปแข่งฟุตบอลยุโรป มีเงื่อนไขดังนี้

1. แชมป์พรีเมียร์ลีก : ผ่านเข้าไปเล่นในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในรอบแบ่งกลุ่มและได้อยู่โถ 1

2. รองแชมป์พรีเมียร์ลีก : ผ่านเข้าไปเล่นในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในรอบแบ่งกลุ่ม

3. อันดับที่ 3 : ผ่านเข้าไปเล่นในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในรอบแบ่งกลุ่ม

4. แชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก : ผ่านเข้าไปเล่นในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในรอบแบ่งกลุ่มและได้อยู่โถ 1

5. แชมป์ยูฟ่ายูโรปาลีก : ผ่านเข้าไปเล่นในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในรอบแบ่งกลุ่ม

6. อันดับที่ 4 : ผ่านเข้าไปเล่นในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในรอบแบ่งกลุ่ม

7. แชมป์เอฟเอคัพ : ผ่านเข้าไปเล่นในยูฟ่ายูโรปาลีกในรอบแบ่งกลุ่ม

8. อันดับที่ 5 : ผ่านเข้าไปเล่นในยูฟ่ายูโรปาลีกในรอบแบ่งกลุ่ม

กิจการถ่ายทอดโทรทัศน์พรีเมียร์ลีก

ในช่วงเวลาที่สโมสรใหญ่ ต้องการเงินทุนมหาศาลนี้ เป็นโอกาสให้เจ้าของสถานีโทรทัศน์ สกาย ยื่นข้อเสนอให้สโมสรในดิวิชันหนึ่ง ประจำฤดูกาล 1992−93 ให้ถอนตัวจากสมาชิกฟุตบอลลีก เพื่อมาจัดตั้งเอฟเอพรีเมียร์ลีก โดยทางสถานีขอซื้อสิทธิผูกขาด

ในการถ่ายทอดการแข่งขันในราคาแพง ทำสัญญาฉบับแรกซื้อสิทธิผูกขาด ในการถ่ายทอดการแข่งขันเป็นเวลา 5 ปี (ฤดูกาล 1992−93 ถึง 1996−97) จ่ายค่าตอบแทนให้ 304 ล้านปอนด์ เทียบกับในอดีตที่ฟุตบอลลีก ได้รายได้จากการขายสิทธิให้สถานีไอทีวีของอังกฤษ เพียง 44 ล้านปอนด์ ในช่วงเวลา 4 ปี

เงื่อนไขตอบแทนทางธุรกิจเช่นนี้ ดึงดูดให้สโมสรทั้งหลายสนใจเป็นอย่างยิ่ง จนผู้บริหารสโมสรบางคน เช่น นายแอลัน ชูการ์ เจ้าของสโมสรฟุตบอลทอตนัมฮอตสเปอร์ แสดงตนเป็นแกนนำในการล็อบบี้ให้สโมสรอื่นๆ ในดิวิชันหนึ่งที่จะเริ่มแข่งขันในฤดูกาล 1992−93

เห็นชอบกับการก่อตั้งลีกแห่งนี้ สำหรับลิขสิทธิ์การเผยแพร่ในประเทศไทย ในช่วงฤดูกาล 2013−14 2014−15 และ 2015−16 เป็นของบริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) หน่วยงานกลาง ของกลุ่มผู้ประกอบการโทรทัศน์ ผ่านสายเคเบิลระดับท้องถิ่น

โดยต่อเนื่องมาจากบริษัท ทรูวิชันส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการโทรทัศน์ผ่านสายเคเบิลทั่วประเทศ ในเครือบริษัท ทรูวิชันส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งถือลิขสิทธิ์ตั้งแต่ฤดูกาล 2007−08 จนถึง 2012−13 โดยต่อมาในปี 2016/2017 จนถึง 2018/2019 ช่องบีอินสปอตส์ ได้ลิขสิทธิ์การถ่ายทอดดังกล่าว

ตาราง-12-05-64-v