บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด หรือสโมสรฟุตบอล บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด หรือที่เรียกกันติดหูว่า ปราสาทสายฟ้า

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด วันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความเข้าใจ และรู้จักกันมากขึ้น

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพที่ตั้ง อยู่ที่จังหวัดบุรีรัมย์ ประเทศไทย เป็นหนึ่งในสโมสรที่ประสบความสำเร็จ มากที่สุดของประเทศ สโมสรก่อตั้งใน พ.ศ. 2513 ในชื่อ “สโมสรฟุตบอลการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค”

และประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ในยุคของบุรีรัมย์ พีอีเอ และบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด โดยชนะเลิศไทยลีก 6 สมัย และจบรองชนะเลิศ 2 ครั้ง (กรณีไม่นับรวมช่วงการไฟฟ้าฯ) สีประจำสโมสรคือสีกรมท่า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เข้าร่วมไทยลีกในฤดูกาล 2553

ในชื่อ “บุรีรัมย์ พีอีเอ” หลังจากที่เนวิน ชิดชอบ ซื้อกิจการสโมสรฟุตบอลการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ในปลายปี 2552 และแข่งขันในลีกสูงสุดครบทุกฤดูกาล โดยเคยคว้าแชมป์ไทยลีก ถึงสามฤดูกาลติดต่อกันตั้งแต่ปี 2556-2558 และทำสถิติเก็บคะแนนสูงสุด ของไทยลีกในฤดูกาล 2561 ที่ 87 คะแนน

นอกจากนี้ยังเคยเข้าถึง รอบก่อนรองชนะเลิศในเอเอฟซีแชมเปี้ยนส์ลีกปี 2556 ซึ่งนับเป็นผลงานที่ดีที่สุดในระดับทวีปของสโมสร ปัจจุบันสโมสรลงเล่นเกมส์เหย้าที่ช้างอารีนา ซึ่งเปลี่ยนชื่อสนามจากชื่อเดิมอย่าง “ไอ-โมบายสเตเดียม

สนามแห่งนี้มีความจุ 32,600 ที่นั่ง ถือเป็นสนามฟุตบอลเพียงไม่กี่แห่ง ในประเทศไทยที่มีสโมสรฟุตบอลเป็นเจ้าของ บุรีรัมย์มีสโมสรคู่ปรับที่สำคัญคือ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด โดยทั้งสองสโมสรผลัดกัน คว้าแชมป์ลีกในช่วงปี 2553-2561 หนังออนไลน์ล่าสุด

สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

 ประวัติความเป็นมา บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด วันนี้เรามาดูกัน

สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เดิมชื่อ สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ พีอีเอ เป็นสโมสรที่เปลี่ยนแปลงมาจาก สโมสรฟุตบอลการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2513 โดย ดร.วีระ ปิตรชาติ มีเป้าหมายเพื่อให้พนักงาน การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ออกกำลังกาย

และสร้างความสามัคคีร่วมกัน ในหมู่คณะต่อมาในปี พ.ศ. 2535 สโมสรเข้าร่วมการแข่งขันอย่างเป็นทางการ เป็นครั้งแรกในฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน ประเภท ง. โดยลงเล่น 3 ฤดูกาลก็ได้เลื่อนขึ้นไปเล่นในถ้วย ค. และลงเล่นอยู่ 2 ฤดูกาล ก็ได้เลื่อนขึ้นไปเล่นถ้วย ข.

และอีก 2 ฤดูกาลสโมสรก็สามารถเลื่อนชั้น ขึ้นไปเล่นในดิวิชั่น 1 ได้สำเร็จหลังจากลงเล่นในดิวิชั่น 1 อยู่นานสโมสรก็ได้เลื่อนขึ้นมา เล่นในลีกสูงสุดได้สำเร็จเป็นครั้งแรก เมื่อได้รองแชมป์ดิวิชั่น 1 ฤดูกาล 2547 และได้เล่นในไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก เป็นครั้งแรกในฤดูกาล 2548

โดยฤดูกาลแรกในลีกสูงสุด สโมสรสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เมื่อได้ตำแหน่งรองแชมป์ และศุภกิจ จินะใจ กองหน้าของทีมก็คว้าตำแหน่ง ดาวซัลโวร่วมกับศรายุทธ ชัยคำดี กองหน้าของทีมการท่าเรือไทย ที่จำนวน 10 ประตู

และยังได้เล่นเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นครั้งแรกในฤดูกาล 2549 ร่วมกับสโมสรฟุตบอลยาสูบ อีกด้วยแต่ทั้ง 2 สโมสร กลับส่งรายชื่อผู้เล่นให้เอเอฟซี ไม่ทันตามที่กำหนดจึงทำให้ทั้ง 2 สโมสร ถูกตัดสิทธิและพลาดโอกาสลงเล่น ในรายการระดับทวีป

ในท้ายที่สุดฤดูกาล 2551 สโมสรสามารถคว้าแชมป์ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก ได้เป็นครั้งแรกภายใต้การคุมทีมของ ประพล พงษ์พาณิชย์ และได้สิทธิเข้าร่วมแข่งขันเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก รอบคัดเลือก ในฤดูกาล 2552 สโมสรตกรอบคัดเลือกเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก

ทำให้ไม่สามารถเข้าไปเล่น ในรอบแบ่งกลุ่มได้ และมีผลงานในลีกไม่ดีนัก สโมสรจึงได้เปลี่ยนผู้จัดการทีม ในเดือนพฤษภาคม ปี 2552 จาก ประพล พงษ์พาณิชย์ เป็นทองสุข สัมปหังสิต อดีตผู้จัดการทีมชาติไทย ชุดแชมป์ซีเกมส์ ที่นครราชสีมา แทงบอลยูโร

สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

การซื้อกิจการของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มีความเป็นมาอย่างไร

การซื้อกิจการสโมสรเกิดขึ้นในช่วงฤดูกาล 2552 จากความต้องการของ นายเนวิน ชิดชอบ นักการเมือง ของจังหวัดบุรีรัมย์ ที่ต้องการซื้อหุ้นทีมฟุตบอลในไทยพรีเมียร์ลีก ให้ย้ายไปเล่นในนามจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นการชั่วคราว

ในขณะเดียวกันก็สร้างทีมใหม่อีกหนึ่งทีม ไต่อันดับขึ้นมาจากดิวิชันต่ำสุด ในเบื้องต้นได้เจรจากับ สโมสรฟุตบอลตำรวจแต่ได้รับการปฏิเสธ นายเนวินได้มีการเจรจาในเบื้องต้น กับสโมสรฟุตบอลทีโิอที และสโมสรฟุตบอลทหารบก แต่ตกลงกันไม่ได้

ในที่สุดจึงได้มีการซื้อขายหุ้น ของสโมสรฟุตบอลการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งมีผลงานสิ้นสุดฤดูกาลในอันดับที่ 9 ทางสโมสรได้ตกลงที่จะย้าย สนามแข่งจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ไปอยู่ที่จังหวัดบุรีรัมย์ หลังจากนั้นทางสโมสร ได้เปลี่ยนแปลงชื่อทีมเป็น บุรีรัมย์-พีอีเอ พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงทีมผู้บริหาร ทั้งหมดและทีมผู้ฝึกสอนบางส่วน

ฤดูกาล 2558 ปีของความสำเร็จของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

ถือเป็นปีทองของทัพ ปราสาทสายฟ้า เมื่อสามารถคว้าแชมป์มาประดับตู้โชว์ ได้ถึง 5 รายการ แม้ว่าจะตกรอบแบ่งกลุ่มของศึกเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ก็ตาม ซึ่งก่อนที่ฤดูกาลนี้จะเริ่มต้น ปราสาทสายฟ้า เสริมทัพนักเตะเข้าสู่ทีมหลายราย

ไม่ว่าจะเป็น นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม, กรวิทย์ นามวิเศษ, นฤพล อารมณ์สวะ, โก ซุล-กิ, กิลแบร์โต มาเชนา, ดิโอโก้ หลุยส์ ซารโต ซึ่งถือว่าเป็นขุมกำลังของทีมในฤดูกาล 2558 เปิดฉากความยิ่งใหญ่ด้วยแชมป์แรก ฟุตบอลถ้วยพระราชทานประเภท ก.

ด้วยการเอาชนะ กระต่ายแก้ว บางกอกกล๊าส เอฟซี ไป 1-0 จากประตูชัยของ ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต ในนาทีที่ 56 เดินหน้าต่อกับแชมป์ที่ 2 โตโยต้า ลีกคัพ สมัย 4 สามารถเอาชนะ กูปรีอันตราย ศรีสะเกษ เอฟซี ที่เพิ่งเข้าชิงรายการนี้เป็นครั้งแรก ไป 1-0

จากประตูชัยของ โก ซุล-กิ ในนาทีที่ 18 สานต่อความสำเร็จในปีนี้ ด้วยแชมป์ที่ 3 ไทยพรีเมียร์ลีก และเป็นแชมป์ไร้พ่ายอีกด้วย โดยไม่แพ้ใครตลอด 34 นัด ชนะ 25 นัด และเสมอไป 9 นัด ทำประตูได้ถึง 98 ลูก มากที่สุดในลีก และเสียไปเพียง 24 ประตู ซึ่งน้อยที่สุดในลีก

แถมจบซีซั่นด้วยการมีแต้มมากกว่า กิเลนผยอง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ทีมรองแชมป์ถึง 13 คะแนนเลยทีเดียว ซึ่งการคว้าแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก ในครั้งนี้ เป็นการคว้าแชมป์สมัยที่ 3 ติดต่อกันของ ปราสาทสายฟ้า นอกจากนี้ ดิเอโก้ หลุยส์ ซานโต

ยังคว้าตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุด ในไทยพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ไปครอง หลังโชว์ฟอร์มสุดโหดเหี้ยม ซัดไป 33 ประตูอีกด้วย ส่วนคู่หู่ในแนวรุกของเขาอย่าง กิลแบร์โต มาเซนา ก็ยิงไป 21 ประตู ได้อันดับ 3 ขณะที่ ธีราธร บุญมาทัน แบ็กซ้ายทีมชาติไทย ก็ทำแอสซิสต์ ไป 19 ครั้ง

ซึ่งสูงสุดในลีกปีนี้ตามมาติดๆกับแชมป์ที่ 4 แม่โขงคลับแชมเปียนชิพ ปราสาทสายฟ้า ในฐานะแชมป์ โตโยต้า ลีกคัพ พบกับ สิงห์ร้ายแห่งนครวัด เบิงเกต อังกอร์ ทีมชั้นนำแห่งศึกฟุตบอลลีกกัมพูชา ในศึกฟุตบอลแห่งศักดิ์ศรี เพื่อชิงความเป็นเจ้าสโมสร แห่งภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง

โดยเอาชนะไปได้ 1-0 จากลูกจุดโทษของ อันเดรส ตุญเญช ในนาทีที่ 67 ช่วยให้ ปราสาทสายฟ้า คว้าแชมป์รายการนี้ไปครองและปิดท้ายปี พ.ศ. 2558 อย่างสมบูรณ์แบบ กับแชมป์ที่ 5 ช้าง เอฟเอคัพ โดยการเอาชนะ กิเลนผยอง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ฟุตบอลโลก 2022

คู่ปรับเก่าสมัยไทยพรีเมียร์ลีกไป 3-1 จากลูกจุดโทษของ อันเดรส ตุญเญช ในนาทีที่ 45,โก ซุล-กิ ในนาทีที่ 51 และ จักรพันธ์ แก้วพรม ในนาทีที่ 70 คว้าแชมป์รายการนี้ไปครองเป็นสมัยที่ 4 และเป็นถ้วยแชมป์ที่ 5 ในปีนี้ รวมทั้งกลายเป็นสโมสรแรกจากทวีปเอเชีย ที่คว้าถ้วยรางวัล 5 ใบได้สำเร็จในฤดูกาลเดียวอีกด้วย

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สนามแข่งขันมีชื่อว่าอะไร มีที่ไปที่มาอย่างไรมาดูกัน

เขากระโดง สเตเดี้ยม เป็นสนามเหย้าเดิมของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มีความจุทั้งหมด 15,000 ที่นั่ง สนามนี้เคยเป็นสนามของ องค์การบริหารส่วนจังหวัด และถูกปรับปรุงใหม่ทั้งหมด เพื่อใช้รองรับการใช้งานไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก 2553 ของสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์-การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค

โดยย้ายไปสนามแห่งใหม่ของตัวเองซึ่งมีความจุ 32,600 คน คือ สนาม นิว ไอ-โมบาย สเตเดี้ยม ปัจจุบันก็ได้โอนสนามนี้ให้เป็นของ องค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ เหมือนเดิมและบริเวณที่ว่างข้างสนาม ได้สร้างศูนย์ราชการศาลากลาง จังหวัดบุรีรัมย์แห่งใหม่

ช้างอารีนา หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า ธันเดอร์ คาสเซิล สเตเดียม (อังกฤษ: Chang ARENA, Thunder castle Stadium, Buriram Stadium) ตั้งอยู่ที่ตำบลอิสาณ อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ สนามแห่งนี้มีความจุ 35,000 ที่นั่ง

โครงสร้างประกอบด้วยเหล็กและไฟเบอร์ ซึ่งสร้างด้วยงบประมาณกว่า 500 ล้านบาท โดยเป็นเงินสนับสนุนของ ไอ-โมบาย และบางส่วนของนายเนวิน ชิดชอบ และจัดเป็นสนามฟุตบอล ที่ได้มาตรฐานแห่งแรกและแห่งเดียว ในประเทศไทย

ที่ไม่มีลู่วิ่งคั่นสนามและผ่านมาตรฐานฟีฟ่า, เอเอฟซี และเอเอฟเอฟ และยังผ่านมาตรฐานระดับ เอ-คลาสสเตเดียมจากเอเอฟซี และยังผ่านมาตรฐานระดับเวิลด์คลาสจากฟีฟ่า และยังได้บันทึกลงกินเนสบุค ว่าเป็นสนามฟุตบอลในระดับฟีฟ่า ที่ใช้เวลาก่อสร้างน้อยที่สุดในโลกคือ 256 วัน

ตาราง-12-05-64-v