บรูโน่ เฟอร์นันเดส นักฟุตบอลชาวโปรตุเกส เล่นในตำแหน่งกองกลางให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และทีมชาติโปรตุเกส

บรูโน่ เฟอร์นันเดส วันนี้จะพามาทำความรู้จัก กองกลางทีมชาติโปรตุเกส ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้เล่น กองกลางตัวรุก ที่มีฝีเท้าดีที่สุดคนหนึ่ง

บรูโน่ เฟอร์นันเดส บรูนู มีแกล บอร์ฌึช ฟือร์นังดึช (โปรตุเกส: Bruno Miguel Borges Fernandes; เกิด 8 กันยายน ค.ศ. 1994) หรือที่รู้จักในหมู่แฟนฟุตบอลชาวไทยว่า “บรูโน่ เฟอร์นานเดส” เป็นนักฟุตบอลชาวโปรตุเกศ 

ปัจจุบันเล่นในตำแหน่งกองกลาง ให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และทีมชาติโปรตุเกศ เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในอาชีพนักฟุตบอล อยู่ที่กัลโชเซเรียอา ประเทศอิตาลี โดยลงเล่นใน เซเรียอา รวม 119 นัด และทำ 15 ประตู ให้กับอูดีเนเซ และซัมป์โดเรีย 

ใน ค.ศ. 2017 เขาเซ็นสัญญาเล่นให้กับ สปอร์ติงลิสบอน ทีมดังในโปรตุเกสประเทศบ้านเกิด และลงเล่นที่นั่นเป็นเวลา 3 ปี ก่อนที่จะย้ายร่วมทีม แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เมื่อวันที่ 20 มกราคม ค.ศ. 2020 ด้วยค่าตัว 55 ล้านยูโร (47 ล้านปอนด์) และได้สวมเสื้อหมายเลข 18

ซึ่งเคยเป็นหมายเลขของ พอล สโกลส์ ตำนานผู้เล่นตำแหน่งกองกลางของทีม ได้กลายเป็นนักเตะตัวหลักในทีม ในระยะเวลาอันรวดเร็ว และได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้เล่น กองกลางตัวรุกที่มีฝีเท้าดีที่สุด คนหนึ่งในการแข่งขัน พรีเมียร์ ลีก โหลดเกมส์

บรูโน่ เฟอร์นันเดส

มาดูถึงเส้นทางลูกหนังของ บรูโน่ เฟอร์นันเดส ว่ามีคาวมเป็นมาอย่างไร มาดูพร้อมกันเลย 

บรูโน่ เริ่มต้นการเป็นนักฟุตบอลกับ สโมสร อินเฟสต้า โดยเจ้าตัวได้เข้ามาสู่ทีมเยาวชน ในปี 2002-2004 จากนั้นเส้นทางลูกหนังของเจ้าตัว ก็เริ่มไต่ระดับสูงขึ้น ในปี 2004 เมื่อได้ย้ายมาร่วมทีม เบาวิสต้า ซึ่งถือว่าเป็นสโมสร ที่มีชื่อเสียงของลีกโปรตุเกส

ทว่าการเล่นอยู่ที่นี่ บรูโน่ ก็ยังเป็นเพียงแค่นักเตะเยาวชน ของทีมเท่านั้นยังไม่สามารถ แจ้งเกิดในทีมชุดใหญ่ได้ จนกระทั่งปี 2005 เขาได้ถูกปล่อยยืมไปให้กับ ปาสตีไรล่า ในปี 2005 และอยู่ที่นั่นนานถึง 5 ปี เลยทีเดียว ก่อนจะย้ายกลับมายัง เบาวิสต้า อีกครั้งในปี 2010

และอยู่ที่นี่ต่ออีก 2 ปี จนกระทั่งปี 2012 เส้นทางลูกหนังที่แท้จริง บททดสอบของจริงในอาชีพนักฟุตบอล ของ บรูโน่ ก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว เมื่อ โนวาร่า ทีมลูกหนังในประเทศอิตาลี ได้เห็นแววบางอย่างในตัวเขา เลยตัดสินใจซื้อตัวเข้ามาร่วมทีม

จากนั้นเจ้าตัวก็ค่อยๆ พัฒนาฝีเท้าจนขึ้นมาติดทีมชุดใหญ่ ของ โนวาร่า ได้และในฤดูกาล 2012/2013 บรูโน่ ก็ได้ลงสนามเล่นให้กับทีมไปถึง 23 นัด แถมยังยิงได้อีก 4 ประตู อีกด้วย ซึ่งถือว่ายอดเยี่ยมอย่างมาก กับการย้ายมาเล่นในลีกต่างแดน

ด้วยฝีเท้าที่โดดเด่น และความมุ่งมั่นในการเล่น ทำให้ฟอร์มของเขาไปเข้าตาของแมวมอง อูดิเนเซ่ สโมสรชื่อดังศึก กัลโช่ เซเรีย อา และเขาก็ได้ย้ายมาร่วมทีมในปี 2013 และกลายเป็นกำลังหลักของทีม และค้าแข้งอยู่ที่นานถึง 3 ปี

ลงเล่นไปถึง 86 นัด และยิงได้ 10 ประตู ปี 2016 ชีพจรลงเท้า บรูโน่ อีกครั้งเมื่อเขาตัดสินใจย้ายไปเล่นให้กับ ซามพ์โดเรีย สโมสรชื่อดังของลีกอิตาลี โดยในฤดูกาล 2016/2017 เขาลงเล่นให้ต้นสังกัดใหม่ไปถึง 33 นัด และยิงได้ 5 ประตู พาทีมจบอันดับ 10 ของตาราง

ทว่าเจ้าตัวก็อยู่ค้าแข้งให้กับที่นี่ ได้เพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น เมื่อจบฤดูกาลนั้นแล้ว เขาก็ตัดสินใจครั้งสำคัญด้วยการย้ายกลับบ้านเกิด ไปเล่นให้กับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน สโมสรยักษ์ใหญ่ ของลีกโปรตุเกส ซึ่งที่นี่เองที่สร้างให้เขากลายเป็น สุดยอดนักเตะของลีกยุโรป 

บรูโน่ เฟอร์นันเดส

บรูโน่ เฟอร์นันเดสกับการย้ายมาค้าแข้ง กับสโมสรฟุตบอล สปอร์ติ้ง ลิสบอน และ “ปีศาจแดง”

บรูโน่ ย้ายมาค้าแข้งให้กับ สปอร์ติ้ง ในฤดูกาล 2017/2018 และเพียงฤดูกาลแรกเขาก็แจ้งเกิดแบบเต็มตัว เมื่อระเบิดตาข่ายคู่แข่งไปถึง 16 ประตู กับทำอีก 14 แอสซิสต์ จาการลงสนามทุกรายการ 56 นัด ซึ่งถือว่าเป็นสถิติที่สุดยอดอย่างมาก

เท่านั้นไม่พอ ในฤดูกาลต่อมา เจ้าตัวยังระเบิดฟอร์มการเล่นได้ดีกว่าเดิมอีก เมื่อยิงได้แบบระเบิดเถิดเทิงถึง 31 ประตู กับทำอีก 15 แอสซิสต์ จากการลงสนามทั้งหมด 55 นัด และอย่าลืมว่าเขาเล่นในตำแหน่งกองกลาง ไม่ใช่กองหน้าของทีม

หลังจบ ฤดูกาล 2018/2019 มีข่าวออกมาว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยักษ์ใหญ่พรีเมียร์ลีก ให้ความสนใจ ที่จะดึงตัว บรูโน่ ไปร่วมทีม และว่ากันว่าเจ้าตัวเกือบจะได้ย้ายอยู่แล้ว แต่ตกลงเรื่องค่าตัวไม่ได้ทำให้ดีลนี้ ยังไม่เกิดขึ้นซึ่งก็ทำให้ดาวเตะโปรตุเกส ต้องค้าแข้งกับต้นสังกัดเดิมต่อไป

แต่เจ้าตัวก็ยังทำผลงานสุดยอดอย่างต่อเนื่อง โดยเพียงแค่ครึ่งซีซั่นแรก เขาซัดไป 15 ประตู กับอีก 14 แอสซิสต์ จาการลงสนาม 27 นัดให้กับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน และเมื่อถึงเดือนมกราคม ปี 2020 ฝันของสาวก “ปีศาจแดง” ก็เป็นจริง

เมื่อ แมนยู ตัดสินใจทุ่มเงินคว้าตัว บรูโน่ มาร่วมทัพ ได้สำเร็จ และเพียงแค่การเข้ามาของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น ก็ช่วยให้ยอดทีมแห่งโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด กลายเป็นคนละทีม กับเมื่อช่วงครึ่งซีซั่นแรก เขาเข้ามาช่วยยกระดับการเล่นของทีม

ช่วยปลุกจิตวิญญาณนักสู้ และก้าวเข้ามาเป็นผู้นำของทีม จนเมื่อจบฤดูกาล ทีมก็สามารถจบอันดับที่ 3 คว้าตั๋วไปลุยศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้อย่างเหลือเชื่อ พร้อมกับที่เจ้าตัว ก็ได้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสร อีกด้วยทั้งๆที่เพิ่งย้ายเข้ามาเล่น เพียงครึ่งฤดูกาลเท่านั้น

ในการถูกเรียกตัว ติดทีมชาติโปรตุเกสชุดใหญ่ 

บรูโน่ ได้ถูกเรียกเป็นผู้เล่นทีมชาติ โปรตุเกสชุดใหญ่ ตั้งแต่ ค.ศ. 2017 ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ก่อนหน้านี้เขาเคยลงเล่นระดับเยาวชน ในนามทีมชาติและเป็นอดีตกัปตันทีม ชุดอายุต่ำกว่า 21 ปี ซึ่งมี รุย ฌอร์ฌึ เป็นผู้จัดการทีม

และเคยพาทีมเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายในการแข่งขันฟุตบอล ในกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน ค.ศ. 2016 นับตั้งแต่ ค.ศ. 2017 เป็นต้นมา เขาลงเล่นในนามทีมชาติชุดใหญ่ทุกรายการรวม 27 นัด ทำได้ 2 ประตู และได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นตัวหลัก ของทีมในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปใน ค.ศ. 2021 รวมถึงการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ใน ค.ศ. 2022 จันลุยจิ บุฟฟอน

บรูโน่ เฟอร์นันเดสกับการได้กลายเป็น นักเตะตัวหลักในทีม ในระยะเวลาอันรวดเร็ว

บรูโน่ ได้กลายเป็นนักเตะตัวหลัก ในทีมในระยะเวลาอันรวดเร็ว และได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่ง ในผู้เล่นกองกลางตัวรุกที่มีฝีเท้าดีที่สุด คนหนึ่งในการแข่งขัน พรีเมียร์ ลีก เขามีจุดเด่นเรื่องการสังหารลูกตั้งเตะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยิงจุดโทษที่เฉียบคม

และยังยิงลูกฟรีคิกได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้เขายัง มีทักษะการจ่ายบอลอันยอดเยี่ยม และการเคลื่อนที่อย่างชาญฉลาด บรูโน่ ลงสนามในครึ่งฤดูกาลหลังในฤดูกาล 2019–2020 รวม 22 นัด ทำไป 12 ประตู และในฤดูกาลปัจจุบัน (2020–2021)

เขายังคงรักษาฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยม ได้อย่างต่อเนื่องโดยลงสนามให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ครบทุกนัดในลีกและลงเล่นทุกรายการ รวม 55 นัด ทำไปทั้งสิ้น 27 ประตู โดยสามารถพาทีมผ่านเข้าสู่ รอบชิงชนะเลิศ รายการยูโรปาลีกได้ใน เดือน พฤษภาคม ค.ศ. 2021

ตาราง-12-05-64-v