นักบอลเก่งที่สุดในโลก ลิโอเนล เมสซี่ นักฟุตบอลยอดเยี่ยมของโลกแห่งปี ค.ศ. 2009

นักบอลเก่งที่สุดในโลก ลิโอเนล อันเดรส เมสซิ นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปี

นักบอลเก่งที่สุดในโลก ลีโอเนล เมสซี่ เป็นนักฟุตบอลชาวอาร์เจนตินา ปัจจุบันเล่นอยู่ในสโมสรฟุตบอล บาร์เซโลนา และทีมชาติอาร์เจนตินา ในตำแหน่งกองหน้าหรือปีก เขายังถือสัญชาติสเปนอีกด้วย ซึ่งทำให้เขาถือว่าเป็นนักฟุตบอลยุโรป

เขาเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดในยุคนี้ เมสซี ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปยุโรป และรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของโลกแห่งปี เมื่อเขาอายุ 21 ปี และได้รับรางวัลในปี ค.ศ. 2009 (นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปยุโรป และรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของโลกแห่งปี ค.ศ. 2009)

และได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปี ค.ศ. 2010 และ 2011 โดยเมสซี่ยังถูกเปรียบเทียบถึงสไตล์การเล่นของเขา และความสามารถว่าเหมือน เดียโก มาราโดน่า ซึ่ง มาราโน่าเองก็ยกย่องเมสซี่ว่าเป็นสุดยอดผู้เล่น และจะเป็นตำนานเหมือนกับเขา

แต่ในระดับทีมชาตินั้น เมสซี่ ยังคงไม่ประสบความสำเร็จกับทีมชาติอาร์เจนติน่า ซึ่งยังคงไม่ได้แชมป์โลกในยุคที่มีเมสซี่ แต่เมสซี่อายุถือว่ายังไม่มากนัก และยังมีโอกาศที่จะคว้าเกียรติยศอันสูงสุดนี้มาครองได้อีกหลายปี หนังออนไลน์ล่าสุด 

นักบอลเก่งที่สุดในโลก

มาทำความรู้จัก นักบอลเก่งที่สุดในโลก ลิโอเนล อันเดรส เมสซิ มีความเป็นมาอย่างไร

เมสซี่ เริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุยังน้อย และบาร์เซโลนาก็ค้นพบความเก่งกาจ ของเขาอย่างรวดเร็ว โดยเมสซี่ออกจากทีมเยาวชน สโมสรกีฬานิวเวลส์โอลด์บอยส์ เมืองโรซารีโอ เมื่อปี ค.ศ. 2000 ที่เขาฝึกฝนฟุตบอลอยู่ และย้ายไปอยู่ยุโรปพร้อมครอบครัว

แต่เมสซี่ซึ่งมีโรคขาดฮอร์โมน การเจริญเติบโตติดตัวมา และทางบาร์เซโลน่าก็เสนอในการรักษา โรคนี้ให้กับเมสซีโดยเมสซี่ลงเตะให้กับบาร์ซ่าครั้งแรก ในฤดูกาล 2004-–05 และทำลายสถิติของทีม โดยเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่ทำประตูในลีกได้

ฤดูกาลแจ้งเกิดของเมสซี่คือฤดูกาล 2006-07 เขาเป็นผู้เล่นในทีมชุดใหญ่เต็มตัว และทำแฮตทริกได้ในศึกเอลกลาซีโก พอจบฤดูกาลเมสซี่ยิงประตูรวม 14 ประตู 26 เกมในลีก จากนั้นเมสซี่ก็ประสบความสำเร็จ ในอาชีพของเขาในฤดูกาล 2008-09

เขายิงประตู 38 ประตู เป็นนักเตะสำคัญของทีมในการเก็บชัยชนะ 3 รายการในฤดูกาลเดียว แต่แล้วสถิตินี้ก็ถูกทำลายไปในฤดูกาลถัดมา เมสซี่ฟอร์มร้อนแรงยิ่งขึ้น ในฤดูกาล 2009-10 เขายิงประตูไป 47 ประตูในทุกการแข่งขัน

เทียบเท่าสถิติของโรนัลโด้ (บราซิล) ที่เคยทำให้กับบาร์เซโลน่า แต่เมสซี่ก็มาทำลายสถิติของตัวเองอีกครั้ง ในฤดูกาล 2010-11 กับประตู 53 ประตูในทุกการแข่งขัน เมสซีเป็นหนึ่งในนักเตะของบาร์ซ่า ที่คว้าแชมป์ลาลีกา 5 ครั้ง แชมเปียนส์ลีก 3 ครั้ง

ยิงประตูได้ 2 ประตูในนัดชิงชนะเลิศ กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดทั้งในปี ค.ศ. 2009 และ 2011 แต่เมสซี่พลาดการลงสนามในนัดที่ บาร์เซโลน่าชนะอาร์เซนอลในปี ค.ศ. 2006 แต่ก็ได้รับเหรียญทองในฐานะผู้เล่น ในการแข่งขัน

และฤดูกาล 2010–11 ในรายการแชมเปี้ยนส์ลีก เมสซีถือว่าเป็นนักฟุตบอลที่ยิงประตู ได้สูงสุดอันดับ 3 รองจากเกิร์ด มึลเลอร์และฌ็อง-ปีแยร์ ปาแป็ง แต่อย่างไรก็ตามเมสซี่เป็นนักเตะคนแรก ที่ได้รับรางวัลผู้ทำประตูสูงสุดในแชมเปี้ยนส์ลีก 3 ปีติดต่อกัน

หลังจากที่รายการนี้เปลี่ยนระบบการแข่งขันในปี ค.ศ. 1992 เมสซี่ ลงแข่งอย่างเป็นทางการครั้งแรก กับทีมชุดใหญ่เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ค.ศ. 2003 ขณะที่อายุได้ 16 ปี 145 วัน ในนัดกระชับมิตรกับสโมสรฟุตบอลปอร์ตู

ต่อมาไม่ถึงปี ฟรังก์ ไรการ์ด (Frank Rijkaard) ให้เขาลงแข่งในลาลีกาครั้งแรกในนัดเจอกับ เอสปาญอล เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ค.ศ. 2004 (ขณะอายุ 17 ปี 114 วัน) ทำให้เขาเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดอันดับ 3 ที่เล่นให้กับสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลน่า

และเป็นผู้เล่นสโมสรที่อายุน้อยที่สุด ที่เล่นในลาลีกา แต่ต่อมาสถิตินี้ถูกทำลายโดยเพื่อนร่วมทีมบาร์เซโลนา โบยาน เกอร์กิช และเมื่อเขาทำประตูแรกในทีมชุดใหญ่ให้กับสโมสรที่แข่งกับอัลบาเซเตบาลอมเปีย เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 2005

ขณะที่เมสซีอายุ 17 ปี 10 เดือน 17 วัน ทำให้เขาเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุด ที่ทำประตูในลาลีกาให้กับทีมบาร์เซโลน่า แต่สถิติก็ถูกทำลายอีกครั้งโดยโบยาน เกอร์กิชในปี ค.ศ. 2007 ที่ยิงประตูจากการจ่ายของเมสซี และเมสซียังได้กล่าวเกี่ยวกับอดีตโค้ชของเขา ฟรังก์ ไรการ์ด ว่า “ผมจะไม่มีวันลืมความจริงที่ผมได้เริ่มต้นอาชีพของผมนี้ ว่าเขาได้สร้างความเชื่อมั่นในตัวผม ขณะที่ผมอายุเพียง 16 ย่าง17 ปีเท่านั้น” UFABET

เมสซิ นักบอลเก่งที่สุดในโลก ในการแข่งขันระดับทีมชาติ

ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2004 เขาลงแข่งในฐานะทีมชาติอาร์เจนตินา โดยเล่นในชุดอายุไม่เกิน 20 ปี ในนัดกระชับมิตรเจอกับทีมชาติปารากวัย ในปี ค.ศ. 2005 เขาเป็นส่วนหนึ่งของทีม ที่ชนะในฟีฟ่าเวิลด์ยูทแชมเปียนชิป ที่จัดขึ้นที่เนเธอร์แลนด์

โดยเขาได้รับรางวัลลูกบอลทองคำ และรองเท้าทองคำ เขายิงประตูใน 4 นัดสุดท้ายของอาร์เจนตินา รวมยิงได้ 6 ประตูในการแข่งขันเขาลงแข่ง ในฐานะทีมชาติเต็มตัวเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ค.ศ. 2005 ในนัดเจอกับฮังการี เมื่อเขาอายุ 18 ปี

เขาถูกส่งเปลี่ยนตัวลงสนามในนาทีที่ 63 แต่ก็ถูกผู้ตัดสิน มาร์คุส แมร์ค ไล่ออกจากสนามในนาทีที่ 65 เนื่องจากเมสซิโขกหัวกับกองหลัง วิลมอช วอนชัก (Vilmos Vanczák) ที่พยายามดึงเสื้อเมสซิ การตัดสินครั้งนี้ทำให้เป็น ข้อถกเถียงกัน

และมาราโดนา ก็กล่าวถึงการตัดสินว่า ผู้ตัดสินมีเจตนาล่วงหน้า เมสซิกลับมาเล่นอีกครั้งในวันที่ 3 กันยายน ในรอบคัดเลือกที่อาร์เจนตินา ไปเยือนปารากวัยและได้ชัยชนะมา 1–0 หลังจากนัดนี้เขาออกมาว่า นี่ถือเป็นนัดเปิดตัวอีกครั้ง สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล

ครั้งแรกถือว่าค่อนข้างสั้นไป จากนั้นก็ลงแข่งกับเปรู หลังจากนัดนี้โคเช เปเกร์มัน พูดถึงเมสซิว่า “คือ อัญมณี” เมื่อวันที่ 28 มีนาคม ค.ศ. 2009 ในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกที่เจอกับ เวเนซุเอลา เมสซิสวมเสื้อเบอร์ 10 เป็นครั้งแรกให้กับอาร์เจนตินา

ในนัดนี้เป็นนัดแรกอย่างเป็นทางการของผู้จัดการทีม ดิเอโก มาราโดนา อาร์เจนตินาชนะ 4–0 โดยเมสซิเป็นผู้ทำประตูแรกวันที่ 17 พฤศจิกายน ค.ศ. 2010 เมสซิยิงประตูในนาทีสุดท้าย ที่แข่งกับคู่ปรับสำคัญ บราซิล ทำให้ทีมชนะ 1–0

ในนัดกระชับมิตรครั้งนี้ที่แข่งกับที่เมืองโดฮา ถือเป็นครั้งแรกที่เขายิงประตูบราซิล ในฐานะทีมชาติรุ่นใหญ่ เมสซิยิงอีกประตูในนาทีสุดท้าย เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2011 ในนัดแข่งกับโปรตุเกส โดยยิงจุดโทษ ทำให้อาร์เจนตินาชนะ 2–1 ในนัดกระชับมิตรที่จัดขึ้นที่เจนีวา สวิตเซอร์แลนด์

ฟุตบอลโลก 2006 ของ ลิโอเนล อันเดรส เมสซิ

อาการบาดเจ็บของเมสซิ ทำให้เขาไม่ได้ลงใน 2 เดือนท้ายสุดของฤดูกาล 2005–06 ซึ่งทำให้เขาไม่ได้ลงเล่นในฟุตบอลโลก 2006 นัก แต่อย่างไรก็ตามเมสซิก็ยังได้รับเลือก ให้ลงเล่นในชุดทีมชาติอาร์เจนตินาเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ค.ศ. 2006

เขายังลงเล่นในนัดชิงชนะเลิศ ให้กับอาร์เจนตินาชุดอายุไม่เกิน 20 ปี อยู่ 15 นาทีและนัดกระชับมิตรที่เจอกับแองโกลา ตั้งแต่นาทีที่ 64 เขานั่งอยู่บนม้านั่งสำรองในนัดที่ อาร์เจนตินาชนะต่อโกตดิวัวร์ ในนัดถัดมาที่เจอกับเซอร์เบียและมอนเตเนโกร

เมสซิถือเป็นนักฟุตบอลทีมชาติอาร์เจนตินา ที่อายุน้อยที่สุดที่ลงแข่งในฟุตบอลโลก เมื่อเขาออกมาแทน มักซี โรดรีเกซ ในนาทีที่ 74 เขาช่วงส่งประตูยิงให้กับเอร์นัน เกรสโป ในไม่กี่นาทีหลังจากที่เขาลงสนาม และยังช่วยยิงประตูในชัยชนะ 6–0

ทำให้เขาเป็นนักฟุตบอล ที่อายุน้อยที่สุดในฟุตบอลโลก 2006 ที่ยิงประตูได้และเป็นนักฟุตบอลอายุน้อยที่สุดอันดับ 6 ที่ยิงประตูได้ในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก ในนัดถัดมาเมสซิลงในการแข่งขันที่เสมอกับ เนเธอร์แลนด์ 0–0

ต่อมาเจอกับเม็กซิโก โดยเมสซิลงเปลี่ยนตัวแทนในนาทีที่ 84 ในนัดนี้เสมอ 1–1 เขาสามารถยิงประตูได้แต่ก็ล้ำหน้า แต่อาร์เจนตินายิงประตูได้ ในการต่อเวลาพิเศษ ผู้ฝึกสอน โคเซ เปเกร์มัน ให้ เมสซิ นั่งอยู่ที่ม้านั่งสำรองในการแข่งขัน รอบก่อนชิงชนะเลิศที่เจอกับเยอรมนี ที่พวกเขาแพ้ 4–2 ในการดวลจุดโทษ

นักบอลเก่งที่สุดในโลกกับโอลิมปิกฤดูร้อน 2008

เมสซิถูกห้ามเล่นให้กับทีมชาติอาร์เจนตินา ระหว่างเกมในโอลิมปิกฤดูร้อน 2008 แต่ท้ายสุดบาร์เซโลนาตกลงว่า ปล่อยเขาให้เล่นหลังจากได้จัดการพูดคุยกับ ผู้ฝึกคนใหม่ ซูเซบ กวาร์ดีโอลา เขาลงเล่นกับทีมชาติอาร์เจนตินา และทำประตูแรกในประตู 2–1 ที่ชนะโกตดิวัวร์

จากนั้นยิงประตูเปิดเกมและช่วยส่งลูกยิงให้กับ อังเคล ดิ มาริอา ในประตูที่ 2 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ทำให้ทีมชนะเนเธอร์แลนด์ 2–1 เขายิงลงแข่งในนัดพบกับคู่ปรับ บราซิล ที่อาร์เจนตินาชนะ 3–0 เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ในนัดชิงเหรียญทอง เมสซิช่วยส่งลูกอีกครั้งให้กับ ดิ มาริอา ในประตูเดียวของเกม 1–0 ทำให้ทีมชนะไนจีเรีย

ตาราง-12-05-64-v