ทีมชาติเวลส์ มีฉายาที่ตั้งขึ้นโดย สื่อมวลชนกีฬา ในประเทศไทยว่า มังกรแดง

ทีมชาติเวลส์ วันนี้จะพามารู้จัก ทีมฟุตบอลทีมชาติ ที่มีความเก่าแก่ที่สุดในโลก เป็นอันดับ 3

ทีมชาติเวลส์ เป็นทีมฟุตบอลตัวแทนของ ประเทศเวลส์ ในการแข่งขันฟุตบอลระหว่างชาติ บริหารงานโดยสมาคมฟุตบอลเวลส์ (FAW) และเป็นสมาชิกของยูฟ่า แม้ประเทศเวลส์ จะไม่ใช่ดินแดนที่เป็นรัฐเอกราช โดยมีฐานะเป็นส่วนหนึ่งของ สหราชอาณาจักร

แต่ก็มีสมาคมฟุตบอล และทีมชาติเป็นของตนเอง โดยเข้าร่วม การแข่งขันฟุตบอลระหว่างชาติ ในรายการสำคัญๆ ทุกรายการของฟีฟ่าและยูฟ่า อย่างไรก็ตามสำหรับการแข่งขันฟุตบอล ในกีฬาโอลิมปิก ประเทศในเครือสหราชอาณาจักร อันประกอบไปด้วยอังกฤษ, สก็อตแลนด์, เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ

ต้องรวมทีมกันลงแข่งขัน ภายใต้ชื่อของสหราชอาณาจักร ทีมชาติเวลส์ จัดเป็นฟุตบอลทีมชาติที่เก่าแก่ ที่สุดในโลกอันดับที่ 3 รองจากทีมชาติอังกฤษ และทีมชาติสก็อตแลนด์ แต่เคยผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้าย ในรายการสำคัญๆเพียงแค่ 3 ครั้ง

คือฟุตบอลโลกปี 1958 ที่ประเทศสวีเดน, ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016 ที่ประเทศฝรั่งเศส และฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020​ โดย ทีมชาติเวลส์ มีฉายาที่ตั้งขึ้นโดย สื่อมวลชนกีฬาในประเทศไทยว่า มังกรแดง ดูบอล

ทีมชาติเวลส์

มาดูถึงประวัติของ ทีมชาติเวลส์ ว่ามีความเป็นมาอย่างไรบ้าง? ไปดูพร้อมๆกันเลย

ทีมชาติเวลส์ ลงแข่งขันฟุตบอลเป็นนัดแรก เมื่อวันที่ 25 มีนาคม ค.ศ. 1876 โดยเป็นการแข่งขันนัดกระชับมิตร กับทีมชาติสก็อตแลนด์ ที่สนามแฮมิลตัน เครสเซนต์ ซึ่งเป็นสนามของทีมคริกเก็ต ในเมืองกลาสโกว์ ทำให้เวลส์เป็นทีมฟุตบอลทีมชาติ ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอันดับที่ 3

รองจากทีมชาติอังกฤษ และทีมชาติสก็อตแลนด์ โดยการแข่งขันในนามทีมชาติ เป็นครั้งแรกของเวลส์จบลงด้วย การแพ้สก็อตแลนด์ถึง 4–0 ปีต่อมาในวันที่ 5 มีนาคม ค.ศ. 1877 ทีมชาติเวลส์ และทีมชาติสก็อตแลนด์ กลับมาแข่งกันอีกครั้งที่ สนามเรสคอส กราวน์ เมืองเร็กซ์แฮม

ประเทศเวลส์ โดยถือเป็นการเล่นในฐานะ เจ้าบ้านเป็นครั้งแรก และสก็อตแลนด์เอาชนะไปได้อีกครั้ง ด้วยผล 2–0 ทีมชาติเวลส์มีโอกาสลงแข่งขันกับ ทีมชาติอังกฤษ เป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 18 มกราคม ค.ศ.1879 ที่สนามดิ โอวัล ในกรุงลอนดอน และเป็นฝ่ายแพ้ไป 2–1

ปี ค.ศ. 1882 ทีมชาติเวลส์ได้ลงแข่งกับ ทีมชาติเกาะไอร์แลนด์ เป็นครั้งแรก ที่เมืองเร็กซ์แฮม และชนะไป 7–1 (ในสมัยนั้นเกาะไอร์แลนด์ ยังไม่ได้แยกเป็นไอร์แลนด์เหนือ และสาธารณรัฐไอร์แลนด์) สมาคมฟุตบอลเวลส์ เข้าร่วมเป็นสมาชิกของฟีฟ่า ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1906

แต่ด้วยความสัมพันธ์ ที่ไม่ค่อยดีนักระหว่างฟีฟ่า และสมาคมฟุตบอลของประเทศ ในเครือสหราชอาณาจักรทำให้ สมาคมฟุตบอลเวลส์ถูกถอดถอน ออกจากการเป็นสมาชิก ของฟีฟ่าในปี ค.ศ. 1928 ทำให้ไม่มีสิทธิเข้าร่วม การแข่งขันฟุตบอลโลก 1930

ซึ่งเป็นการจัดฟุตบอลโลกสมัยแรก และในอีก 2 ครั้งต่อมา โดยการเดินทางออกไปแข่งขัน ภายนอกสหราชอาณาจักรเป็นครั้งแรก ของทีมชาติเวลส์ เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1933 เมื่อนักฟุตบอลทีมชาติเวลส์ เดินทางไปที่กรุงปารีส เพื่อลงแข่งขันกับทีมชาติฝรั่งเศส ในวันที่ 23 พฤษภาคม

ซึ่งผลจบลงด้วยการเสมอกัน 1–1 และ วอลเตอร์ ร็อบบินส์ กองหน้าสังกัดสโมสร เวสต์บรอมมิช อัลเบียน ได้รับการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ ของสมาคมฟุตบอลเวลส์ว่า เป็นนักฟุตบอลทีมชาติคนแรก ที่ยิงประตูได้ในการแข่งขันนอกสหราชอาณาจักร

หลังจบสงครามโลกครั้งที่สอง ในปี ค.ศ. 1946 สมาคมฟุตบอลเวลส์ได้กลับเข้ามา เป็นสมาชิกของฟีฟ่าอีกครั้ง พร้อมๆกับสมาคมฟุตบอลของประเทศ ในเครือสหราชอาณาจักรอื่นๆ และลงแข่งขันรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 1950 แต่ทีมชาติเวลส์จบอันดับสุดท้ายของกลุ่ม

อย่างไรก็ตามในยุค 50 ถือเป็นยุคทองของทีมชาติเวลส์ เมื่อทีมชาติในยุคนั้นอุดมไปด้วย ดารานักเตะดังๆแทบจะทั้งทีม เช่น อิวอร์ ออลเชิร์ช, คลิฟฟ์ โจนส์, เทรเวอร์ ฟอร์ด และ จอห์น ชาร์ลส์ สโมสรเชฟฟีลด์ยูไนเต็ด

ทีมชาติเวลส์

ในฟุตบอลโลก 1958 ของทีมชาติเวลส์

ทีมชาติเวลส์ ผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายครั้งแรกและครั้งเดียว ในฟุตบอลโลก 1958 ที่ประเทศสวีเดน ภายใต้การคุมทีมของ จิมมี่ เมอร์ฟี่ โดยในรอบแบ่งกลุ่ม ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มที่ 3 ร่วมกับ ทีมชาติสวีเดน ที่เป็นเจ้าภาพ ,ทีมชาติฮังการี และทีมชาติเม็กซิโก

โดยการแข่งฟุตบอลโลก นัดแรกในประวัติศาสตร์ของทีมชาติเวลส์ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 1958 ที่สนามเจิร์นวัลเล่น เมืองแซนด์ไวเค่น เป็นการแข่งขันในรอบแรกระหว่าง ทีมชาติฮังการี และ ทีมชาติเวลส์ ผลจบลงด้วยการเสมอกันไป 1–1 ฮังการีได้ประตูขึ้นนำก่อนจาก โจเซฟ บอสซิก

ส่วนเวลส์ตีเสมอได้จาก จอห์น ชาร์ลส์ กองหน้าสังกัดยูเวนตุส ทำให้ จอห์น ชาร์ลส์ ถูกบันทึกว่าเป็นนักเตะทีมชาติคนแรก ของเวลส์ที่ยิงประตูได้ในฟุตบอลโลก นัดต่อมา เวลส์เสมอกับทีมชาติเม็กซิโก 1–1 โดย เวลส์ ได้ประตูขึ้นนำก่อนจากลูกยิงของ อิวอร์ ออลเชิร์ช

ก่อนที่ ไคเม่ เบลมอนเต้ จะตีเสมอให้เม็กซิโก ผลจากการที่นัดสุดท้ายในรอบแรก ทีมชาติเวลส์เสมอกับเจ้าภาพสวีเดน 0–0 ทำให้สวีเดนผ่านเข้ารอบ ในฐานะแชมป์กลุ่ม ส่วนเวลส์ มี 3 คะแนนเท่ากับ ฮังการี ต้องตัดสินด้วยการเพลย์ออฟ เพื่อหาทีมที่จะเข้าไปเล่นในรอบ 8 ทีมสุดท้ายต่อไป

การแข่งขันเพลย์ออฟ ระหว่างเวลส์และฮังการี่ ทีมชาติเวลส์เสียประตูก่อน ในครึ่งแรกแต่มายิงคืนได้ 2 ประตูรวดจาก อิวอร์ ออลเชิร์ช ที่ยิงตีเสมอ และได้ประตูชัยจาก เทอร์รี่ เมดวิน ปีกจากสโมสรท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ในช่วงท้ายเกมส์ ทำให้ผ่านเข้าไปสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายต่อไป

ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย เวลส์ต้องพบกับทีมชาติบราซิล และ จอห์น ชาร์ลส์ กองหน้าตัวสำคัญของทีม ก็ได้รับบาดเจ็บซึ่งในที่สุด เวลส์ก็แพ้บราซิลไป 1–0 โดยผู้ที่ยิงประตูให้ทีมชาติบราซิล ได้ในแมตช์ดังกล่าวเป็นนักเตะหนุ่ม ที่อายุเพียง 17 ปี ของสโมสรซานโต๊ส

และประตูนี้เป็นประตูแรกของเขา ในนามทีมชาติบราซิล อีกทั้งยังส่งผลให้เขาเป็นเจ้าของสถิติ ผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุด ที่ยิงประตูได้ในฟุตบอลโลกจนถึงปัจจุบัน หลังจบทัวนาเมนต์ บราซิลคว้าตำแหน่งแชมป์โลก ไปครองได้สำเร็จ และนักฟุตบอลหนุ่มที่ยิงประตูได้ ในแมตช์นี้กลายเป็นกองหน้าระดับตำนาน ของวงการฟุตบอลในเวลาต่อมา นักฟุตบอลหนุ่มคนนี้มีชื่อเล่นว่า “เปเล่”

ผลงานดีที่สุดในระดับชาติ ที่ทีมชาติเวลส์เคยทำได้

โดยผลงานดีที่สุดในระดับชาติ ที่ทีมชาติเวลส์เคยทำได้ คือการผ่านเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ในฟุตบอลโลก 1958 และผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์ แห่งชาติยุโรป 2016 ส่วนในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนยุโรป

เวลส์ตกรอบคัดเลือกโดยมีคะแนน ตามหลังทีมชาติสาธารณรัฐไอร์แลนด์ ซึ่งอยู่อันดับ 2 เพียงแค่ 2 คะแนน อย่างไรก็ตาม เวลส์ สามารถผ่านเข้าไปแข่งขันในรอบสุดท้าย ในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020​ ได้สำเร็จ

การจัดอันดับโลกของฟีฟ่าที่ ทีมชาติเวลส์เคยทำได้สูงสุด คือ อันดับที่ 8 (ตุลาคม 2015) ภายใต้การคุมทีมของ คริส โคลแมน โดยในเดือนกันยายน 2015 นับเป็นครั้งแรก ในประวัติศาสตร์ที่ เวลส์ กลายเป็นทีมชาติที่มีอันดับโลกดีที่สุด ในบรรดาทีมชาติในสหราชอาณาจักร

ตาราง-12-05-64-v