ทีมชาติฝรั่งเศส เป็นตัวแทนทีมฟุตบอลจากประเทศฝรั่งเศส และเป็นทีมชั้นนำทีมหนึ่งในทวีปยุโรป

ทีมชาติฝรั่งเศส และ แอ็ฟแอ็ฟแอ็ฟ (FFF) วันนี้จะพามาทำความรู้จัก ทีมชั่นนำในทวีปยุโรป

ทีมชาติฝรั่งเศส (ฝรั่งเศส: Équipe de France de football) เป็นตัวแทนทีมฟุตบอลจาก ประเทศฝรั่งเศส และเป็นทีมชั้นนำทีมหนึ่งในทวีปยุโรป มีผลงานชนะเลิศฟุตบอลโลก 2 ครั้งใน ฟุตบอลโลก 1998 และ ฟุตบอลโลก 2018

และเป็นแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2 ครั้ง ในปี ค.ศ. 1984 และ ปี ค.ศ. 2000 แอ็ฟแอ็ฟแอ็ฟ (FFF) เป็นสมาคมฟุตบอลในประเทศฝรั่งเศส รวมถึงดูแลดินแดนโพ้นทะเลของฝรั่งเศส (กัวเดอลุป เฟรนซ์เกียนา มาร์ตีนิก มายอต นิวแคลิโดเนีย เฟรนช์โปลินีเชีย เรอูว์นียง)

ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1919 ตั้งอยู่ที่กรุงปารีส เป็นสมาชิกกลุ่มก่อตั้งของฟีฟ่า ดูแลรับผิดชอบการแข่งขันฟุตบอลในฝรั่งเศส ทั้งการแข่งขันอาชีพ และสมัครเล่น สหพันธ์รับผิดชอบ ตั้งแต่การจัดการทั้งทีมชาติฟุตบอลชาย หญิง

และทีมชาติเยาวชน ในปี ค.ศ. 2010 สหพันธ์ออกได้รับรองใบอนุญาตแล้ว 2,107,924 ใบ โดยมีนักฟุตบอลลงทะเบียนมากกว่า 1,800,000 คน รวมถึงสโมสรที่ลงทะเบียนมากกว่า 18,000 สโมสร หนังออนไลน์ล่าสุด

ทีมชาติฝรั่งเศส

จะพามาดูถึงประวัติของ ทีมชาติฝรั่งเศส ว่ามีความเป็นมาอย่างไรมาดูกัน 

ทีมชาติฝรั่งเศสตั้งทีมขึ้นมาในช่วงปี ค.ศ. 1904 ในช่วงที่สหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศ ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ. 1904 โดยลงเล่นในเกมอย่างเป็นทางการนัดแรกกับ เบลเยียม ในวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 1904 

ซึ่งเกมดังกล่าวจบลงด้วยผลเสมอ 3-3 ในขณะที่เดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1905 ฝรั่งเศสได้ลงเล่นในเกมระดับชาติ ในสนามของตนเองอย่างเป็นทางการ ในเกมที่พบกับสวิตเซอร์แลนด์ ที่สนามปาร์กเดแพร็งส์ ต่อหน้าผู้ชมราว 500 คน

และพวกเขาก็เป็นฝ่ายคว้าชัยชนะ ไปด้วยคะแนน 1-0 ในปี ค.ศ. 1932 ฝรั่งเศสได้เข้าร่วมแข่งขันในฟุตบอลโลก ที่จัดขึ้นที่ประเมศอุรุกวัย โดยเกมแรกในรายการนี้ของฝรั่งเศส คือถล่มทีมชาติเม็กซิโก 4-1 โดย ลูว์เซียง โลร็อง ที่เป็นผู้ยิงประตูแรกของเกม

กลายเป็นนักเตะที่ทำประตูแรกสุด ของศึกฟุตบอลโลกอีกด้วย แต่ฝรั่งเศสกลับแพ้ 1-0 ใน 2 เกมต่อมากับอาร์เจยตินา และ ชิลี ทำให้ต้องตกรอบไปอย่างน่าเสียดาย ในปี ค.ศ. 1934 ฝรั่งเศสยังคงต้องผิดหวังต่อไป เมื่อตกรอบแรกจากการแพ้ ออสเตรีย 

แต่พวกเขาทำผลงานได้ดี อย่างผิดหูผิดตาในครั้งที่พวกเขา รับหน้าที่เป็นเจ้าภาพการแข่งขันฟุตบอลโลกในปี ค.ศ 1938 หลังจากฝ่าด่านไปถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ ก่อนจะแพ้ให้กับอิตาลี ด้วยคะแนน 3-1

ในยุคทศวรรษที่ 1950 นับเป็นยุคทองของวงการฟุตบอล ของฝรั่งเศสจากการแจ้งเกิดของ นักเตะชื่อดังอย่าง ฌุสต์ ฟงแตน เจ้าของตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของฟุตบอลโลก และแรมง กอปา ตำนานดาวยิงที่ประสบความสำเร็จ อย่างสูงกับเรอัลมาดริด

ในปี ค.ศ. 1958 ฝรั่งเศสสามารถคว้าอันดับ 3 จากการถล่มทีมชาติเยอรมนีตะวันตก 6-2 โดยฟงแตนยิงคนเดียว 4 ประตู ในปี ค.ศ. 1960 ฝรั่งเศสรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป เป็นครั้งแรก

แต่พวกเขากลับทำได้แค่อันดับ 4 หลังจากแพ้ทีมชาติเชโกสโลวาเกีย 2-0 แต่หลังจากนั้น ฝรั่งเศสกลับดำดิ่งลงไปอย่างเห็นได้ชัด จากการที่เปลี่ยนตัวผู้จัดการทีมบ่อยครั้ง รวมถึงความล้มเหลวในการผ่านเข้าไปเล่น ในการแข่งขันระดับเมเจอร์หลายรายการ โดยพวกเขาไม่สามารถประสบความสำเร็จ แบบเป็นชิ้นเป็นอันได้เลยในช่วงทศวรรษที่ 1960 และ 1970 แทงบอล

ทีมชาติฝรั่งเศส

ในยุคทศวรรษที่ 1980 ของทีมชาติฝรั่งเศส 

เมื่อในยุคทศวรรษที่ 1980 ฝรั่งเศสกลับมาประสบความสำเร็จ อีกครั้งจากการนำทัพของ มีแชล ปลาตินี ตัวทำเกมจอมเทคนิค และสามสุดยอดกองกลางอย่างฌ็อง ตีกานา, อาแล็ง ฌีแร็ส และลูยส์ แฟร์น็องแดช 

ที่ประสานงานร่วมกันจนถูกขนานนามว่า สี่เหลี่ยมมหัศจรรย์ (Magic Square) พวกเขาพาทีมชาติฝรั่งเศส คว้าแชมป์รายการเมเจอร์ระดับนานาชาติ ได้สำเร็จในศึกยูโร 1984 ที่ฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพ โดยปลาตีนีได้เป็นดาวซัลโว ของรายการด้วยการยิงไปถึง 9 ประตู

รวมถึงหนึ่งในประตูในเกมที่ชนะ สเปน ด้วยคะแนน 2-0 ในนัดชิงชนะเลิศ นอกจากนี้ในปีเดียวกัน ฝรั่งเศสยังสามารถคว้าเหรียญทองโอลิมปิกปี ค.ศ 1984 ก่อนที่จะคว้าแชมป์รางวัลอาร์เตมีโอ ฟรังกี (คอนเฟเดอเรชันส์คัพในปัจจุบัน)

ในปีถัดมาทำให้พวกเขาได้รับ การยกให้เป็นทีมเต็ง 1 สำหรับการครองแชมป์ฟุตบอลโลก 1986 แต่แล้วก็ยังคงต้องรอตำแหน่งแชมป์ต่อไป หลังจากทำได้แค่อันดับ 3 ด้วยการแพ้เบลเยียม 4-2

จนกระทั่งปี ค.ศ 1996 ฝรั่งเศสเริ่มก้าวขึ้นมาสู่การเป็น ยอดทีมของวงการลูกฟุตบอลโลก จากการที่เข้าสู่ยุคผลัดใบโดย นำนักเตะดาวรุ่งเข้ามารับใช้ชาติหลายต่อหลายคน ในยูโร 1996 ฝรั่งเศสทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม

แต่ก็ต้องหยุดอยู่ที่รอบตัดเชือก เช่นเดิมหลังจากแพ้ สาธารณรัฐเช็ก ต่อมาในฟุตบอลโลก 1998 ที่พวกเขาเป็นเจ้าภาพ ฝรั่งเศสสามารถระเบิดฟอร์มเก่งด้วยการถล่มบลาซิล สุดยอดทีมจากฟุตบอลโลก ในนัดชิงชนะเลิศ 3-0 พร้อมทั้งคว้าแชมป์ไปครองอย่างยิ่งใหญ่ของทีม

ในปี ค.ศ. 2000 การคว้าแชมป์ยูโร 

ในปี ค.ศ. 2000 ฝรั่งเศสยังคงรักษาความฟอร์มที่ดี ไว้ได้อย่างต่อเนื่องด้วยการคว้าแชมป์ยูโร 2000 ด้วยการชนะอิตาลี 2-1 ในนัดชิงชนะเลิศ ภายใต้การเล่นเกมและสร้างสรรค์เกมของ ซีเนดีน ซีดาน สุดยอดกองกลางจอมเทคนิคของฝรั่งเศส

ทำให้พวกเขาทำสถิติเป็นชาติแรก ที่ครองแชมป์ทั้งฟุตบอลโลกและฟุตบอลยูโร นับตั้งแต่ที่เยอรมนีตะวันตกเคยทำได้เมื่อปี 1974 นอกจากนี้ฝรั่งเศสยังขึ้นไปอันดับ 1 ในการจัดอันดับโลกของฟีฟ่าอีกด้วย

อย่างไรก็ตามฝรั่งเศส เริ่มจะกลับสู่ความตกต่ำอีกครั้ง หลังจากไม่สามารถป้องกันแชมป์ฟุตบอลโลก 2002 ได้สำเร็จแต่ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ พวกเขาต้องหยุดอยู่ที่รอบแรกเท่านั้น ก่อนที่ผลงานจะดีขึ้นมาใน ยูโร 2004 

โดยฝรั่งเศสผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศ แต่ก็ปราชัยต่อ กรีซ เจ้าของแชมป์ในเวลาต่อมา ในปี ค.ศ. 2006 ฝรั่งเศสเกือบจะไม่ผ่านไปเล่นในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2006 แต่ยังดีที่บรรดานักเตะรุ่นเก่า ที่เคยประกาศตัดสินใจอำลาทีมชาติ

เปลี่ยนใจกลับมาช่วยทีมอีกครั้ง และพวกเขาก็ยังโชว์ฟอร์มได้ดี อย่างต่อเนื่องในรอบสุดท้าย หลังจากสู้และสามัคคีกัน จนสามารถเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ แต่ก็ต้องแพ้ อิตาลี จากการดวลจุดโทษไป 5-3 ไปอย่างน่าเสียดาย

2 ปีต่อมาใน ยูโร 2008 ฝรั่งเศสก็ไปไม่ถึงฝั่งฝันอีกครั้ง หลังจากตกรอบแรก เนื่องจากถูกจับให้อยู่ในกลุ่มที่มี แต่ทีมเต็งที่จะเป็นแชมป์ โดยมีเนเธอร์แลนด์ อิตาลี และโรมาเนีย เป็นสมาชิกร่วมกลุ่มด้วยการเป็นที่ 4 ของกลุ่ม สโมสรเอซี มิลาน

ทีมชาติฝรั่งเศสกับการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 

ต่อมาในปี ค.ศ 2010 ฝรั่งเศสต้องผิดหวังอีกครั้ง หลังตกรอบแรกในการคัดเลือกทีมไปแข่งขันที่ฟุตบอลโลก 2010 ที่ประเทศแอฟริกาใต้ นอกจากนั้นยังมีปัญหาภายในทีมอีก ระหว่างนักเตะและผู้ฝึกสอนอีกด้วย

ต่อมาในยูโร 2012 ทีมชาติฝรั่งเศสก็เริ่มทำผลงานเริ่มดีขึ้นมา โดยในรอบแบ่งกลุ่มสามารถเป็นรองแชมป์กลุ่มได้ เป็นรองเพียงอังกฤษเท่านั้น แต่แล้วในรอบสิบหกทีมสุดท้าย ก็ต้องปราชัยแพ้ให้กับทีมเต็งของรายการนี้ อย่างสเปนไป 2-0

ในฟุตบอลโลก 2014 ที่ประเทศบราซิล ทีมชาติฝรั่งเศสผ่านเข้าได้ถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ ก่อนแพ้ให้กับทีมชาติเยอรมนีไป 0-1 ซึ่งในครั้งนั้นทีมชาติเยอรมนีก็ได้เป็นแชมป์ฟุตบอลโลกในปี 2014

และในฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย ทีมชาติฝรั่งเศสสามารถสร้างผลงาน ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศกับทีมชาติโครเอเชีย ซึ่งเป็นการผ่านเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกเป็นครั้งที่ 3 ของทีมชาติฝรั่งเศส และฝรั่งเศสได้คว้าแชมป์สมัยที่ 2 โดยการเอาชนะโครเอเชีย 4-2

ตาราง-12-05-64-v