ทีมชาติซาอุดีอาระเบีย ทีมที่ประสบความสำเร็จ มากที่สุดทีมหนึ่งในทวีปเอเชีย มีฉายาคือ อัลศอกรฺ

ทีมชาติซาอุดีอาระเบีย วันนี้จะพามารู้จัก หนึ่งในทีมฟุตบอลที่เข้าร่วม แข่งขันฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์

ทีมชาติซาอุดีอาระเบีย เป็นทีมฟุตบอลประจำชาติของ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ในการแข่งขันระหว่างประเทศ อยู่ภายใต้การดูแลของ สหพันธ์ฟุตบอลซาอุดีอาระเบีย มีฉายาคือ อัลศอกรฺ (Al-Saqour) หรือภาษาอังกฤษคือ The Falcons (นกเหยี่ยว) และ อัลอัคฎอร (Al-Akhdar)

หรือภาษาอังกฤษคือ The Green ซึ่งมาจากสีประจำทีมคือสีเขียว ซาอุดีอาระเบีย ได้ลงแข่งขันทั้งในรายการของ สหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศ และสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย ซาอุดีอาระเบีย ลงแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งแรก ในฟุตบอลโลก 1994 โดยเอาชนะเบลเยียม และโมร็อกโกได้ในรอบแบ่งกลุ่ม

ก่อนจะเข้าไปแพ้สวีเดนในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ส่งผลให้พวกเขาเป็นทีมจากชาติอาหรับ ประเทศที่สองที่เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ในฟุตบอลโลก ต่อจากโมร็อกโกในฟุตบอลโลก 1986 และเป็นหนึ่งในห้าทีมของเอเชีย ที่ทำได้ (ร่วมกับญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, ออสเตรเลีย และเกาหลีเหนือ) อนิเมะ

ทีมชาติซาอุดีอาระเบีย

มาดูถึงประวัติของ ทีมชาติซาอุดีอาระเบีย ว่ามีความเป็นมาอย่างไร? มาดูไปพร้อมกันเลย

ฟุตบอลทีมชาติซาอุดีอาระเบีย มีจุดเริ่มต้นใน ค.ศ. 1951 โดยเกิดจากการรวมตัวของผู้เล่น จากสโมสรกีฬาอัล-เวห์ดา เมกกะ และ สโมสรฟุตบอลอัลอะฮ์ลี (ญิดดะฮ์) เพื่อลงแข่งขันเกมกระชับมิตร พบกับทีมจากกระทรวงสาธารณสุข จากประเทศอียิปต์ ในวันที่ 27 มิถุนายน ณ เมืองญิดดะฮ์

และทั้งสองทีมได้แข่งขันกัน อีกครั้งในวันต่อมาโดย ซาอุดีอาระเบีย ใช้ผู้เล่นของสโมสรฟุตบอลอัล อิติตฮัด และ สโมสรฟุตบอลอัลฮิลาล ต่อมาในเดือนสิงหาคม เจ้าชาย อับดุลลาห์ บิน ไฟซาล อัล ซาอุด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในขณะนั้น

ได้จัดการแข่งขันกระชับมิตร กับอียิปต์เป็นครั้งที่สาม และถือเป็นจุดเริ่มต้นของแนวคิด ในการจัดตั้งทีมฟุตบอลเพื่อเป็น ตัวแทนของประเทศอย่างเป็นทางการ ใน ค.ศ. 1953 ประเทศซาอุดีอาระเบีย ก็ได้ก่อตั้งทีมฟุตบอลขึ้น และได้เดินทางไปแข่งขันกระชับมิตร ระหว่างประเทศเป็นครั้งแรก

โดยเดินทางไปแข่งขัน ณ กรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย ในวโรกาสที่สมเด็จพระราชาธิบดีซะอูด บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด เสด็จขึ้นครองราชย์ ต่อมาใน ค.ศ. 1957 ซาอุดีอาระเบีย ได้ร่วมแข่งขันรายการ แพนอาหรับเกมส์ ที่เบรุต ประเทศเลบานอน

โดยสมเด็จพระราชาธิบดีซะอูด บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด ได้รับเชิญให้เสด็จไปร่วมพิธีเปิด ณ สนาม คามิลล์ ชามูน สปอร์ตส์ ซิตี สเตเดียม ร่วมกับ คามิลล์ ชามูน ประธานาธิบดีเลบานอน และในนัดเปิดสนามเป็นการแข่งขัน ระหว่างซาอุดีอาระเบีย และเลบานอน โดยเสมอกันไป 1–1

และซาอุดีอาระเบีย ตกรอบแบ่งกลุ่มในครั้งนั้น สหพันธ์ฟุตบอลซาอุดีอาระเบีย ได้ก่อตั้งขึ้นใน ค.ศ. 1956 ทว่าหลังจากนั้น ซาอุดีอาระเบีย ไม่ได้ร่วมแข่งขันในรายการสำคัญใดๆ จนกระทั่งเอเชียนคัพ 1984 ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งพวกเขาคว้าแชมป์ได้เป็นสมัยแรก

เอาชนะจีนในรอบชิงชนะเลิศ 2–0 และพวกเขาได้ประกาศศักดา เป็นหนึ่งในทีมชั้นนำที่ประสบความสำเร็จ มากที่สุดทีมหนึ่งในทวีปเอเชีย นับตั้งแต่นั้นโดยเข้าชิงชนะเลิศเอเชียนคัพ ได้อีก 4 ครั้งติดต่อกัน และคว้าแชมป์เพิ่มได้อีกสองครั้งในปี 1988 (ชนะจุดโทษเกาหลีใต้)

และ 1996 (ชนะจุดโทษสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) และได้ร่วมแข่งขันเอเชียนคัพทุกครั้ง นับตั้งแต่นั้นจนถึงปัจจุบัน แต่ยังไม่สามารถคว้าแชมป์เพิ่มได้ โดยผลงานดีสุดคือการ เข้าชิงชนะเลิศในเอเชียนคัพ 2007 แพ้อิรัก 0–1 แทงบอลโลก

ทีมชาติซาอุดีอาระเบีย

การเข้าร่วมฟุตบอลโลกของทีมชาติซาอุดีอาระเบีย รอบสุดท้ายครั้งแรก ในฟุตบอลโลก 1994

พวกเขาเข้าร่วมฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายสมัยแรก ในฟุตบอลโลก 1994 ภายใต้ผู้ฝึกสอนชาวอาร์เจนตินา ฆอร์เก โซลารี และผู้เล่นพรสวรรค์สูงอย่าง ซะอีด อัลอุวัยรอน และ ซามี อัลญาบิร พาทีมผ่านเข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายก่อนจะแพ้สวีเดน 1–3

และพวกเขาเข้าร่วมฟุตบอลโลก ในอีกสามครั้งถัดมา แต่ไม่สามารถชนะในรอบแบ่งกลุ่ม แม้แต้นัดเดียวและไม่ได้ เข้าไปเล่นในฟุตบอลโลก 2010 และ 2014 ก่อนจะกลับมาแข่งขัน ในฟุตบอลโลก 2018 แพ้เจ้าภาพอย่างรัสเซีย ในนัดเปิดสนามขาดลอย 0–5

ซึ่งถือเป็นการชนะด้วยผลประตู ที่มากที่สุดเป็นอันดับสอง ตลอดกาลของชาติเจ้าภาพใน ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย นับตั้งแต่อิตาลีเจ้าภาพฟุตบอลโลก 1934 เอาชนะ สหรัฐ ด้วยผลประตู 7–1 ซาอุดีอาระเบีย ตกรอบแรกอีกครั้งหลังจาก แพ้อุรุกวัยไปอย่างสูสี 0–1

แม้พวกเขาจะเอาชนะ อียิปต์ ได้ในนัดสุดท้าย 2–1 ในครั้งนี้ ซาอุดีอาระเบีย มีผลงานในฟุตบอลโลกที่แย่ที่สุด นับตั้งแต่ฟุตบอลโลก 2002 ซึ่งพวกเขาแพ้ เยอรมนี 0–8 และจบในอันดับ 32 ซึ่งเป็นอันดับสุดท้าย จากการจัดอันดับรวมเมื่อจบการแข่งขัน

อย่างไรก็ตาม พวกเขายังได้รับเสียงชื่นชม จากการชนะได้หนึ่งนัดในครั้งนี้ นับเป็นชัยชนะครั้งแรก นับตั้งแต่ฟุตบอลโลก 1994 ซาอุดีอาระเบีย ลงแข่งขันเอเชียนคัพ 2019 ด้วยความคาดหวังว่า จะทำผลงานได้ดีขึ้น

แต่พวกเขาจบอันดับสองของกลุ่ม หลังจากแพ้ กาตาร์ ในรอบสุดท้าย ส่งผลให้พวกเขาต้องพบกับ ทีมใหญ่อย่าง ญี่ปุ่น และแพ้ไป 0–1 แม้พวกเขาจะเล่นได้ดีกว่าตลอด ทั้งเกม ทีมชาติเวลส์

อิหร่านและอิรัก คู่แข่งที่สำคัญที่สุด

อิหร่าน ถือเป็นคู่แข่งที่สำคัญที่สุด ของซาอุดีอาระเบียด้วยเหตุผล ทางประวัติศาสตร์ และการแข่งขันได้ทวีความรุนแรง มากขึ้นในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา สืบเนื่องจากความขัดแย้ง จากการแบ่งแยกลัทธิทางศาสนา ซาอุดีอาระเบีย มีผลงานการพบกันที่เป็นรองเล็กน้อย

โดยชนะ 4 ครั้ง เสมอ 6 ครั้ง และแพ้ 5 ครั้ง และการพบกันของทั้งสองชาติ ถือเป็นหนึ่งในสิบการแข่งขันฟุตบอล ระหว่างประเทศซึ่งได้รับอิทธิพลจาก การเมืองที่ดุเดือดที่สุด อิรัก ถือเป็นคู่แข่งที่สำคัญเช่นกัน โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากทศวรรษ 1970 จากเหตุการณ์สงครามอ่าว

ซึ่งอิรักได้รุกรานพันธมิตรของ ซาอุดีอาระเบีย และนับแต่นั้นความสัมพันธ์ระหว่าง ทั้งสองชาติก็ไม่แน่นอนนัก โดยมีทั้งการพัฒนาความสัมพันธ์ ในเชิงบวกสลับกับความสัมพันธ์ ที่ตึงเครียดจนถึงปัจจุบัน โดยอิรักเกือบจะถอนตัว จากการแข่งขัน กัลฟ์ คัพ ออฟ เนชั่นส์ ใน ค.ศ. 2013

หลังจากได้รับการปฏิเสธการ เป็นเจ้าภาพโดยอิรักเชื่อว่า ซาอุดีอาระเบีย เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง คู่แข่งชาติอื่นๆของ ซาอุดีอาระเบีย ได้แก่ กาตาร์, คูเวต และ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

ตาราง-12-05-64-v