ดิเอโก มาราโดนา นักฟุตบอลชาวอาร์เจนตินา เป็นนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ตลอดกาล

ดิเอโก มาราโดนา อดีตนักฟุตบอลชาวอาร์เจนตินา และอดีตเป็นผู้จัดการทีมชาติอาร์เจนตินา

ดิเอโก มาราโดนา ในอาชีพนักฟุตบอลนั้น กว่าจะสร้างชื่อเสียงจนเป็นที่รัก ของแฟนๆฟุตบอลได้บางคน ต้องใช้เวลานานหลายปี บางคนเป็นสิบๆปีหรือมากกว่านั้น แต่บางคน แค่การลงไปวาดลวดลายบนสนามหญ้า เพียงไม่กี่ครั้ง ก็ทำให้เขาเข้าไปอยู่ในใจของแฟนๆ ฟุตบอลได้ในทันที

ซึ่ง ดิเอโก มาราโดน่า คือ นักฟุตบอลที่ใช้เวลาเพียงไม่นาน เขาก็สามารถเข้าไปอยู่ในหัวใจ ของแฟนๆทุกคนที่ได้เห็น ด้วยสไตล์การเล่นฟุตบอลของเขา ประกอบกับความสามารถที่เขามี ทำให้ไม่ว่าเขาจะไปอยู่ที่ไหน แฟนฟุตบอลก็ต่างชื่นชมเขาอย่างสุดหัวใจ

หรือบางคนก็ยกย่องเขาราวกับพระเจ้า เขาถือเป็น 2 นักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล เมื่อเทียบกับ เปเล่ เขาได้รับการลงคะแนนทาง อินเทอร์เน็ตครั้งแรก กับรางวัลผู้เล่นฟีฟ่าแห่งศตวรรษ โดยได้รับร่วมกับ เปเล่ มังงะ

ดิเอโก มาราโดนา

มาดูถึงประวัติของ ดิเอโก มาราโดนา ว่ามีความเป็นมาอย่างไรบ้าง ไปดูกันเลย 

เส้นทางการเป็นพระเจ้าของ มาราโดน่า เริ่มต้นตอนอายุเพียง 15 ปี จากเด็กหนุ่มจากย่านสลัมใน กรุงบัวโนสไอเรส สู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพครั้งแรกในปี 1976 ในสีเสื้อของทีมบ้านเกิดอย่าง อาร์เจนติโนส จูเนียร์ และติดทีมชาติในปีต่อมา

ก่อนจะคว้าตำแหน่งผู้ทำประตู จำนวนสูงสุดในสองฤดูกาลติดต่อกัน จนในปี 1979 เขาคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกอายุไม่เกิน 20 ปี และประกาศศักดาก้าวไปเป็นนักเตะยอดเยี่ยม ของทัวร์นาเมนต์นั้นก่อนที่จะย้ายทีม ไปอยู่กับทั้งสโมสร โบคา จูเนียร์ และยักษ์ใหญ่ในลีกสเปนอย่าง บาเซโลน่า โดยมีค่าตัว 5 ล้านปอนด์ ซึ่งถือว่าค่าตัวแพงที่สุดเป็นสถิติโลก ณ เวลานั้น แม้ว่าตอนที่อยู่กับสโมสร บาเซโลน่า

เขาจะมีปัญหาทั้งเรื่องการทะเลาะวิวาท ความไม่ลงรอยกับประธานสโมสร หรือปัญหาอาการบาดเจ็บก็ตาม แต่เขาก็ยังทำประตู และทำผลงานได้ดีเมื่อลงเล่นอยู่เสมอ ต่อมาในปี 1984 เขาจะได้ย้ายทีมไป นาโปลี ในลีกอิตาลี ค่าตัวในราคาราวๆ 6.9 ล้านปอนด์

พร้อมกับการทำลายค่าตัว เป็นสถิติโลกเป็นครั้งที่สอง จากสถิติเดิมของตนเอง และตอกย้ำความเป็นสุดยอดนักเตะ ระดับพระเจ้าของเขาด้วยจำนวนแฟนฟุตบอลที่เข้าชม การเปิดตัวผู้เล่นใหม่ในสนาม ซาน เปาโล เมืองเนเปิลส์ จำนวนกว่า 8 หมื่นคน เขาเข้ามาในฐานะนักเตะตัวความหวัง ที่จะเข้ามาแบกทีมและเขาก็ไม่ทำให้แฟน ๆ ทีมนาโปลี ต้องผิดหวัง โดยเขาสามารถพา นาโปลี คว้าแชมป์ลีก กัลโช่ ซีรีย์ อา

เป็นสมัยแรกของประวัติศาสตร์สโมสร และครั้งที่สองได้สำเร็จ ทำให้เหล่าบรรดาสาวกของทีม รวมทั้งประชาชนในเมือง เนเปิลส์ เชิดชูเขาเยี่ยงพระเจ้า โดยตั้งแต่ที่ มาราโดน่า ได้อำลาทีมไปในปี 1991 นาโปลี ก็ยังไม่เคยได้แชมป์ลีกอีกเลย

และแม้การใช้ชีวิตของ ดิเอโก จะย่ำแย่เพียงใดถึงขนาดไปพัวพัน กับยาเสพติดแต่แฟนๆของ นาโปลี ก็มองข้ามเรื่องเหล่านั้นไป ซึ่งภายหลังสโมสรนาโปลียังประกาศยกเลิก เบอร์เสื้อหมายเลข 10 เพื่อเป็นเกียรติให้กับตำนานอย่าง “เสือเตี้ย” มาราโดน่า ซึ่งก็แสดงให้เห็นได้ชัดว่าประชาชน ในเมืองเนเปิลส์ ยกย่องให้เขาเป็นพระเจ้า ของเมืองตลอดกาล โดยสาเหตุที่ มาราโดน่า ต้องอำลาชาวเมืองเนเปิลส์

เกิดขึ้นภายหลังจากเกมฟุตบอล นัดชิงชนะเลิศที่ อาร์เจนตินา พ่ายแพ้ต่อ เยอรมนี ในศึกฟุตบอลโลก ปี 1990 ที่อิตาลี มาราโดน่า ก็ถูกพบว่ามีผลการตรวจสารต้องห้าม ในร่างกายออกมาเป็นบวก ส่งผลให้ถูกลงโทษห้ามยุ่งเกี่ยวกับวงการฟุตบอล นานถึง 15 เดือน

แม้จะพ้นโทษกลับมาโลดแล่นบนทัวร์นาเมนต์ ฟุตบอลโลกได้อีกครั้งในปี 1994 ที่สหรัฐอเมริกา แต่เขาก็ต้องถอนตัวจากทีมกลางคัน หลังถูกตรวจพบว่ามีการใช้ “เอฟิดรีน” ซึ่งถูกจัดให้เป็นสารต้องห้าม เนื่องจากเครื่องดื่มชูกำลังรายหนึ่ง ที่เขาดื่มเป็นประจำตอนอยู่ที่บ้านเกิด แต่กลับมีส่วนผสมของสารกระตุ้น เมื่อเขามาซื้อดื่มใน สหรัฐอเมริกา ฟิลลิพ ลาห์ม

ดิเอโก มาราโดนา

ดิเอโก มาราโดนากับฉายา “หัตถ์พระเจ้า” 

เหตุการณ์ที่ทำให้แฟนฟุตบอล ทั่วโลกจดจำชายที่ชื่อ ดิเอโก มาราโดน่า นั้นคือ “หัตถ์พระเจ้า” ในฟุตบอลโลก 1986 ที่เม็กซิโก เป็นเกมการแข่งขันที่ทีมชาติอาร์เจนตินา พบ กับอังกฤษ โดยมีจังหวะหนึ่งของเกม มาราโดน่า วิ่งสอดเข้าไปในช่องว่างระหว่าง ผู้รักษาประตูกับกองหลัง

จากการสกัดบอลพลาดของผู้เล่น ทีมชาติอังกฤษนั่นเอง ก่อนจะกระโดดใช้มือปัดบอลเข้าประตูไป ส่งผลให้ อาร์เจนตินา ออกนำอังกฤษไปก่อน 1-0 หลังจบเกมนั้น ดิเอโก ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “การทำประตูลูกนี้ ส่วนหนึ่งมาจากหัวของเขา อีกส่วนหนึ่งมาจากหัตถ์ของพระเจ้า”

ทำให้เกิดเป็นเหตุการณ์บรรลือโลกอย่าง “หัตถ์พระเจ้า” เนื่องจากทุกสายตาจากทั้งโลกทั้งในสนาม และการดูถ่ายทอดสดในจอโทรทัศน์ ต่างก็เห็นเห็นว่าลูกนี้มีการแฮนด์บอลเกิดขึ้น มีเพียงแต่ผู้ตัดสินกับผู้ช่วยผู้ตัดสิน ในวันนั้นที่ไม่เห็นและให้เป็นประตูในท้ายที่สุด

ในเกมเดียวกันนั้นเอง มาราโดน่า ก็ได้สร้างความมหัศจรรย์อีกครั้ง โดยการเลี้ยงหลบทีมชาติอังกฤษ เกือบครึ่งทีมรวมทั้งผู้รักษาประตู ก่อนจะยิงได้ทั้งนี้ประตูดังกล่าวได้รับการยกย่องว่า เป็นประตูแห่งศตวรรษที่ 20

โดยสหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศ หรือ ฟิฟ่า นอกเหนือจากนี้เขายังมีสถิติระดับตำนาน โดยเป็นนักฟุตบอลคนแรกที่คว้ารางวัล นักเตะยอดเยี่ยมของฟุตบอลโลก ทั้ง 2 ทัวร์นาเมนต์ โดยได้ทั้งฟุตบอลโลก รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี และ ฟุตบอลโลกชุดใหญ่

หลังจากได้แชมป์โลก 1986 ของ “เสือเตี้ย” มาราโดน่า 

หลังจากได้แชมป์โลก 1986 แฟนฟุตบอลชาวอาร์เจนตินา ได้มีการเปรียบเปรยว่าพวกเขา มีพระเจ้าองค์ 3 องค์ พระเจ้าลำดับที่หนึ่งคือ พระเยซูคริสต์ ลำดับที่สองคือ มาริโอ เคมเปส ศูนย์หน้าที่ยิงประตู พาให้อาร์เจนตินาไปคว้าแชมป์โลก สมัยแรกได้สำเร็จในปี 1978

และเขาคือผู้เล่นที่มีค่าตัวแพง เป็นสถิติโลกตอนที่ย้ายจาก ทีมบาเลนเซีย กลับไปอยู่กับทีม ริเวอร์เพลท ด้วยค่าตัว 1.6 ล้านยูโร ก่อนที่จะถูกเสือเตี้ยทำลายสถิติ ตอนย้ายไป บาเซโลน่า ในเวลาต่อมา ซึ่งตอนที่ค้าแข้งอยู่ที่ ทีมบาเลนเซีย

เขาสามารถคว้าแชมป์ โกปาเดลเรย์ ยูโรเปี้ยนคัพวินเนอร์สคัพ และยูฟ่าซูเปอร์คัพ รวมทั้งเป็นดาวซัลโวของลีกสเปนได้ 2 ฤดูกาลติดต่อกันในฤดูกาล 1976-1977 และ 1977-1978 ส่วนลำดับที่สามคือ ดิเอโก มาราโดน่า เพราะฟุตบอลโลกครั้งนั้น

เขาได้สลักชื่อของตน ให้เป็นตำนานของโลกฟุตบอลไปแล้ว มีอีกหนึ่งเหตุการณ์ฟุตบอลที่ชี้ชัดว่า เขาเหนือกว่ายอดนักเตะคนหนึ่งคือ เหตุการณ์ในฟุตบอลโลกปี 1990 ที่ อิตาลี เป็นเจ้าภาพในรอบรองชนะเลิศ อาร์เจนตินาของ มาราโดน่า

โคจรมาพบกับเจ้าภาพอย่างทีมชาติอิตาลี และบังเอิญแข่งกันที่สนาม ซาน เปาโล สนามของ นาโปลี ทีมต้นสังกัดของ มาราโดน่า โดยปกติแล้วเจ้าภาพฟุตบอลโลกจะได้เปรียบ จากการมีแฟนบอลที่คอยสนับสนุน ในประเทศตนเองอยู่แล้ว

แต่ไม่ใช่กับนัดนี้ที่แฟนๆฟุตบอลอิตาลี ในเมืองเนเปิลส์ ต่างก็ส่งเสียงเชียร์ให้ทีมชาติอาร์เจนตินา ที่มียอดนักเตะดังอย่าง มาราโดน่า อยู่ ทั้งที่ทีมชาติอิตาลีแข่งในบ้านตนเองแท้ๆ แต่เหมือนว่าจะไม่ได้รับความได้เปรียบใดๆเลย ก่อนที่ทีมชาติอาร์เจนตินาจะเอาชนะอิตาลี ไปได้ในท้ายที่สุด

ดิเอโก มาราโดนาในปี 1998 ประกาศอำลาวงการฟุตบอล 

ในปี 1998 เขาประกาศอำลาวงการฟุตบอล ด้วยวัย 38 ปี และเช่นเคยเขาได้สร้างปรากฏการณ์ ที่ทำให้เราเห็นถึงความยิ่งใหญ่ของ มาราโดน่า อีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้ทำมันขึ้นมาเอง เพียงแต่เป็นความศรัทธาของคน ในชาติที่มีต่อตัวเขา

โดยในวันที่เขาประกาศอำลาสนาม รัฐบาลของอาร์เจนตินา ประกาศให้เป็นวันหยุดพิเศษ 1 วัน ส่วนรายการทีวีทุกช่องต่างพร้อมใจกัน ถ่ายทอดสารคดีของ มาราโดน่า ทั้งวันเพื่อสดุดีแด่นักเตะที่เป็นดั่งพระเจ้า และยิ่งใหญ่ที่สุดที่อาร์เจนตินา และโลกฟุตบอลเคยมีมา

หลังจากประกาศเลิกเล่นได้ไม่นาน เขาก็ถูกยกขึ้นไปทาบชั้นกับตำนานรุ่นพี่ ชาวบราซิลอย่าง เปเล่ บุคคลที่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตำนานในโลกลูกหนัง เขาพาทีมชาติบราซิล เป็นแชมป์โลกครั้งแรกได้สำเร็จในปี 1958 โดยในทัวร์นาเมนต์ดังกล่าว เปเล่ ทำลายแทบทุกสถิติ

ทั้งสถิตินักเตะอายุน้อยที่สุด ที่ลงเล่นในฟุตบอลโลก (17 ปี 249 วัน) นักเตะอายุน้อยที่สุดที่ยิงประตูได้ และนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ยิงแฮตทริก ได้หลังจากซัด 3 ลูกในเกมกับฝรั่งเศส และยังพาทีมชาติบราซิลไปคว้าได้ถึงแชมป์โลก 3 สมัย

โดยแฟนบอลต่างตั้งข้อสงสัยว่า เปเล่ กับ มาราโดน่า ใครคือนักเตะที่ดีที่สุดตลอดกาล ซึ่ง มาราโดน่า ได้รับการโหวตจากแฟนฟุตบอลทั่วโลก ให้เป็นนักเตะที่ดีที่สุดในศตวรรษร่วมกับ เปเล่ จากการจัดโหวตในเว็บไซต์ สหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศ

ตาราง-12-05-64-v