จอห์นบาร์นส์ นักฟุตบอลระดับตำนานของสโมสรลิเวอร์พลู อดีตนักฟุตบอลอาชีพ และผู้จัดการทีมชาวอังกฤษ

จอห์นบาร์นส์ วันนี้จะพามารู้จักกับ อีกหนึ่งตำนานของสโมสรลิเวอร์พลู ผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล กลองกลางตัวเก่งของ ทัพหงษ์แดง

จอห์นบาร์นส์ มีชื่อเต็มว่า จอห์น ชาร์ลส์ ไบรอัน บาร์นส์ หนึ่งในผู้เล่นชาวอังกฤษที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล เกิด 7พฤศจิกายน ค.ศ.1963 เป็นอดีตนักฟุตบอลอาชีพ และผู้จัดการทีมชาวอังกฤษ นักเตะตำนานของทัพหงษ์แดง ได้รับการกล่าวว่าเป็นหนึ่งในผู้เล่นชาวอังกฤษ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล ปัจจุบันบาร์นส์ทำงานเป็นนักเขียน รวมถึงเป็นผู้บรรยาย และผู้เชี่ยวชาญด้านฟุตบอล ให้กับอีเอสพีเอ็น และ SuperSport

เริ่มแรกเขาเป็นปีกซ้ายที่เก่งมีความเร็ว นักเตะตำนานของทัพหงษ์แดง ต่อมาเขาย้ายไปเล่นตำแหน่งกองกลาง ตัวกลางในช่วงปลายอาชีพของเขา บาร์นส์คว้าแชมป์ลีก 2 สมัยและเอฟเอคัพ 2 สมัยกับลิเวอร์พูล หนึ่งในผู้เล่นชาวอังกฤษที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล เขายังเป็นรองแชมป์เอฟเอคัพ กับวอตฟอร์ด, ลิเวอร์พูล และนิวคาสเซิลยูไนเต็ด ก่อนจะแขวนสตั๊ดจากการค้าแข้งในปี ค.ศ.1999 กับชาร์ลตันแอธเลติก หนังออนไลน์

จอห์นบาร์นส์

มาดูถึงประวัติของ จอห์นบาร์นส์ และเส้นทางการค้าแข้ง ว่ามีความเป็นมาอย่างไร? 

จอห์นบาร์นส์ นักเตะตำนานของทัพหงษ์แดง เกิดและเติบโตในคิงส์ตัน เมืองหลวงของจาเมกา ในฐานะลูกชายของนายทหารจาก ตรินิแดดและโตเบโก และแม่ชาวจาเมกา เขาย้ายไปลอนดอนพร้อมกับครอบครัว เมื่ออายุเพียง 12ปีเขาเข้าร่วมสโมสรวอตฟอร์ด เมื่ออายุ 17 ปีในปีค.ศ.1981 ในยุคที่เกรแฮม เทย์เลอร์ เป็นผู้จัดการทีม ก่อนลงเล่นไป 296นัด ยิงได้ 85ประตู

เขาเปิดตัวกับทีมชาติอังกฤษในปีค.ศ.1983 และในปีค.ศ.1987 เขาย้ายไปร่วมทีมลิเวอร์พูล ในยุคที่เคนนี ดัลกลิชเป็นผู้จัดการทีมด้วยค่าตัว 900,000ปอนด์ ใน 10 ฤดูกาลของเขาที่นั่น หนึ่งในผู้เล่นชาวอังกฤษที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ดิวิชัน1 2สมัย และเอฟเอคัพ 2สมัย เขายิงได้ 106ประตูจาก 403นัด ได้รับความสนใจจากวัตฟอร์ด ในขณะที่เขากำลังลงสนามให้กับ มิดเดิ้ลเซ็กซ์ ลีกคลับ ซูดบิวรี่คอร์ต

และหลังจากที่ประสบความสำเร็จ จากเกมในชุดสำรองของวัตฟอร์ด เขาก็ได้เซ็นสัญญาเป็นนักเตะ ในวันที่ 14กรกฎาคม1981 เขาปรากฏตัวต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 5กันยายน1981 ด้วยวัย 17ปีกับการเป็นตัวสำรอง ในเกมที่เสมอกับ โอลด์แฮม แอธเลติก 1-1 ในฟุตบอลลีกดิวิชั่น 2 ที่ วิคาราจ โร้ด ซึ่งมี เกรแฮม เทย์เลอร์ รับหน้าที่เป็นผู้จัดการทีมในเวลานั้น

และ “แตนอาละวาด” ก็ใช้เวลาเพียงแค่ 6ปีในการทำทีมจากดิวิชั่น4 จนได้เลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุด จอห์นบาร์นส์ นักเตะตำนานของทัพหงษ์แดง และวัตฟอร์ด ได้รับการเลื่อนชั้นร่วมกับคู่แข่งอย่าง ลูตัน ทาวน์ บาร์นส์พาทีมทำอันดับอยู่บนหัวตาราง เมื่อสิ้นสุดฤดูกาล1981-82 จนสุดท้ายก็สามารถพาทีมจบด้วยอันดับที่2 ของลีก และด้วยความบังเอิญที่ลิเวอร์พูล ก็เป็นแชมป์ลีกดิวิชั่น1 ด้วยเช่นกันในปี1984

วัตฟอร์ดสร้างประวัติศาสตร์ เมื่อสามารถเอาชนะ เอฟเวอร์ตัน 2-0 ในศึก เอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ โดยที่พวกเขาถูกมองว่าเป็นทีมม้านอกสายตา ต่อมาในปี1987 พวกเขาทะลุเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศอีกครั้ง หนึ่งในผู้เล่นชาวอังกฤษที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล แต่สุดท้ายก็ไปไม่ถึงฝันเมื่อพวกเขาพ่ายให้กับ “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ และสุดท้ายบาร์นส์ก็ตกเป็นจุดสนใจของบรรดาทีมใหญ่ๆ ที่ต้องการจะได้ตัวเขาไปร่วมทีม

การตัดสินใจของจอห์นบาร์นส์ ไปร่วมทัพ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล

จอห์นบาร์นส์

เมื่อวันที่ 9สิงหาคม1987 บาร์นส์ หนึ่งในผู้เล่นชาวอังกฤษที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล ตัดสินใจเก็บข้าวของย้ายออกจาก วัตฟอร์ดไปร่วมทัพ “หงส์แดง” ภายใต้การทำทีมของ เคนนี่ ดัลกลิช ด้วยค่าตัว 900,000ปอนด์ (ประมาณ 48.5 ล้านบาท) หลังจากที่เขาลงสนามรับใช้ “เดอะ ฮอร์เน็ตส์” 233เกม และยิงไปทั้งสิ้น 65ประตู เขาย้ายเข้ามาสู่ถิ่น แอนฟิลด์ พร้อมกับเพื่อนร่วมทีมชาติของเขาอย่าง ปีเตอร์ เบียร์ดสลี่ย์

และได้ประสานงานกับ จอห์น อัลดริดจ์, เรย์ ฮิวจ์ตัน และ เอียน รัช กลายเป็นสูตรสำเร็จแผงตัวรุก ที่น่ากลัวมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของลิเวอร์พูล เมื่อวันที่ 15สิงหาคม ปี1987 บาร์นส์ลงสนามนัดแรกในสีเสื้อแดงเพลิง พร้อมกับเบียร์ดสลี่ย์ ในเกมลีกที่เอาชนะ อาร์เซน่อล 2-1 ณ สนาม ไฮบิวรี่ เขาสามารถทำประตูแรกให้กับลิเวอร์พูลได้สำเร็จ หลังจากที่ผ่านไปรวมเดือน

เมื่อวันที่ 12กันยายนในเกมที่เอาชนะ อ็อกฟอร์ด ยูไนเต็ด 2-0 ที่สนามแอนฟิลด์ ฤดูกาลแรกของเขาที่แอนฟิลด์ เป็นปีที่ลิเวอร์พูลได้แชมป์ลีกสูงสุด ด้วยการออกสตาร์ทแบบไร้พ่ายตลอด 29เกม และจบฤดูกาลด้วยการแพ้แค่ 2ครั้งเท่านั้น ซึ่งในฤดูดาลนั้นเอง เขาเคยถูกเหยียดเชื้อชาติจากแฟนบอล เอฟเวอร์ตัน ในเกม เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ ที่สนามแอนฟิลด์

จอห์นบาร์นส์ นักเตะตำนานของทัพหงษ์แดง ซัดไป 15 ประตูในลีกฤดูกาลแรกของเขากับลิเวอร์พูล เป็นอันดับสองรองจากจอห์น อัลดริดจ์ เท่านั้นเขาได้รับคะแนนโหวตอย่างท่วมท้น ให้ได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปี จากสมาคมนักฟุตบอลอาชีพ (พีเอฟเอ) แถม บ็อบบี้ ร็อบสัน เคยบอกว่า บาร์นส์ มีดีพอๆกับ จอร์จเบส เลยทีเดียว

กับผลงานในฤดูกาล1988-89 กับทัพหงษ์แดง

ในฤดูกาล1988-89 ลิเวอร์พูลสามารถเอาชนะ คู่ปรับสำคัญอย่างเอฟเวอร์ตัน 3-2 ในศึกเอฟเอคัพ รองชิงชนะเลิศ โดยที่บาร์นส์เป็นผู้สร้างสรรค์เกมรุก ในตอนนั้น ด้วยการจ่ายบอลจากปีกซ้าย ให้กับเอียน รัช สังหารในช่วงต่อเวลาพิเศษ นักเตะตำนานของทัพหงษ์แดง แต่พวกเขาต้องเสียแชมป์ลีกสูงสุดให้กับ “ไอ้ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล และจบอันดับที่ 2

เขากลายเป็นผู้ตัดสินแชมป์ ในถิ่นแอนฟิลด์ เมื่อบาร์นส์สูญเสียการครองบอล จากการพยายามเลี้ยงบอลผ่าน เควิน ริชาร์ดสัน ในช่วงสุดท้ายของเกม และกลายเป็นไมเคิล โธมัส มิดฟิดล์ของทีมอาร์เซน่อล สังหารประตูที่ 2 ในนาที 90+1 จบเกม “เดอะ กันเนอร์ส” 2-0 “หงส์แดง” เสียแชมป์ในที่สุด ในเดือนเมษายนปี1989 หลังจากเหตุการณ์โศกนาฏกรรม ที่ฮิลส์โบโร่

บาร์นส์ได้เข้าร่วมพิธีศพเหยือผู้เสียชีวิต และเยี่ยมผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บ ที่โรงพยาบาลอีกด้วยโดยที่เขาขอถอนตัว จากเกมกระชับมิตรของทีมชาติอังกฤษ เพื่อมาเยี่ยมแฟนๆโดยเฉพาะ บาร์นส์ลงเล่นในปี1990 และคว้าแชมป์ให้กับลิเวอร์พูล ได้สำเร็จจากการยิง 22 ประตูในลีก ด้วยตำแหน่งปีกซ้ายแม้กระทั่งเอียน รัช ยังยิงประตูได้น้อยกว่าเขาถึง 4 ลูกเลยทีเดียว บาร์นส์ถูกโหวตให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี

จากผู้สื่อข่าวกีฬาฟุตบอล และได้รับความคาดหวังจากบ็อบบี้ร็อบสัน ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ หนึ่งในผู้เล่นชาวอังกฤษที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล ให้เป็นกุญแจสำคัญในการพาทีมลุยฟุตบอลโลกปี90 ที่อิตาลี โดยเพื่อนร่วมทีมอย่างปีเตอร์ เบียร์ดสลี่ย์ ได้กล่าวถึงเขาหลังสิ้นสุดฤดูกาล ในทศวรรษปี1980 ว่า “เขาเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุด ที่เคยเล่นด้วยกันมา สำหรับสามถึงสี่หลังในช่วงปลายของยุคปี ’80 จอห์นอาจจะเป็นนักเตะที่ดีที่สุดในโลกก็ได้”

จอห์นบาร์นส์ลงเล่นอย่างต่อเนื่องให้กับ ลิเวอร์พูลและทีมชาติอังกฤษ

เขายังคงได้ลงเล่นอย่างต่อเนื่อง ให้กับลิเวอร์พูลและทีมชาติอังกฤษ หนึ่งในผู้เล่นชาวอังกฤษที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล จนกระทั่งในปี1990 เขายิงไป 16ประตูในลีกแต่ในปีนั้น อาร์เซน่อลสามารถทวงแชมป์ไปจาก “หงส์แดง” ได้ตามมาด้วยการลาออก อย่างกระทันหันของเคนนี่ ดัลกลิช และการแต่งตั้งแกรม ซูเนสส์ ขึ้นเป็นผู้จัดการทีมแทน ในปี1992 ลิเวอร์พูลได้เถลิงแชมป์ เอฟเอคัพ อีกครั้ง

แต่บาร์นส์พลาดการลงสนาม ในเกมชิงชนะเลิศเนื่องจากอาการบาดเจ็บ ที่เอ็นร้อยหวายเขาลงเล่นในลีกแค่ 12เกมเท่านั้น และยิงไปได้แค่ประตูเดียว จึงทำให้ “หงส์แดง” จบอันดับ6ในลีก เมื่อวันที่ 13สิงหาคม ปี1997 หลังจากผ่านไป 10ปีเขาลงสนามไปทั้งสิ้น 407เกม ยิงรวมกัน 108ประตู และคว้า 4ถ้วยใหญ่มาครอบครอง บาร์นส์กำลังจะหมดสัญญา นักเตะตำนานของทัพหงษ์แดง และกลายเป็นผู้เล่นฟรีทรานสเฟอร์ 

อ่านบทความเพิ่มเติม : เปิดตัว8นักเตะใหม่ของเชลซีที่น่าจับตามอง

ตาราง-12-05-64-v